วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

รีวิว App "พระคัมภีร์" "ภาษาไทย" "Bible" บน "Ipad" และ "Iphone" "Bible.is"


(ผมมีรีวิว App อ่านพระคัมภีร์ตัวใหม่ล่าสุดที่ชื่อ Bible YouVersion สามารถตามไปดู ตามLinkนี้ครับ http://www.gueeng.com/2012/07/app-bible-youversion.html )อ.บัญชา 23 กค.2012

สวัสดีครับ

หลังจากที่ผมได้รีวิว โปรแกรม App พระคริสตธรรมคัมภีร์ บน Iphone ที่ชื่อ "Pocket Sword" ไปคราวก่อน ตามLinkนี้ http://www.gueeng.com/2010/10/i-phone-app-pocketsword.html เวลาผ่านไป 1ปีก็พบว่ามีโปรแกรม App พระคัมภีร์ที่ใช้งานบน Ipad และ Iphone ใหม่ๆที่น่าสนใจเกิดขึ้นให้ Download ซึ่งวันนี้ผมจะมาแนะนำโปรแกรมพระคัมภีร์ที่ชื่อว่า "Bible.is" ครับ

เดิม App ที่ชื่อว่า "Pocket Sword" ถือเป็นโปรแกรมที่ดีมากที่ใช้อ่านพระคัมภีร์ภาษาไทยบน Iphone ในยุคแรก แต่ข้อด้อยของโปรแกรมนี้ก็คือ

1.พระคัมภีร์ภาษาไทยใช้เป็นเวอร์ชั่น Thai King James ซึ่งแปลออกมามีหลายจุดจะไม่ตรงกับพระคัมภีร์ภาษาไทยที่เราคุ้นเคยที่เป็นเวอร์ชั่นของสมาคมพระคริสตธรรมไทย (Thai Standard Version) ครับ

2.ไม่มี App สำหรับที่ใช้บน Ipad ซึ่งถ้าคนที่มี Ipad จะต้อง Download App ที่เป็นของ Iphone เอามาเปิดใน Ipad แทน ทำให้ตัวอักษรจะไม่คมเนื่องจากต้องขยายขนาด 2เท่าครับ

แต่ App ที่ชื่อ "Bible.is" นี้ได้แก้ไขจุดอ่อนของ "Pocket Sword" หมดไปครับ และมีจุดดีอีกหลายๆจุด ทำให้ผมแทบจะเปลี่ยนมาใช้ App เพื่ออ่านพระคัมภีร์ภาษาไทยของ "Bible.is" เพียงอย่างเดียวเลยครับ

อย่างแรกต้องไปทำการ Download App จาก App store เสียก่อนนะครับ โดยการพิมพ์ช่องค้นหาด้วยคำว่า "bible" ก็เจอแล้วครับ

กดเข้าไปที่ตัว App ที่เขียนว่า "Bible+" เลยครับ ใครจะโหลดใส่ Ipad หรือ Iphone มีให้โหลดทั้ง 2อันครับ เยี่ยมไปเลย แต่ที่ผมจะรีวิวจากนี้เป็น App สำหรับ Ipad นะครับ



เมื่อกดเข้าไป จะเจอหน้านี้ครับ อธิบายเกี่ยวกับ App ตัวนี้ ซึ่งดูด้านซ้ายมือจะพบว่า เจ้า App ตัวนี้ ทำออกมาหลายภาษาด้วยครับ มีทั้งภาษาอาหรับ ภาษาจีน แต่เราคนไทย คงต้องโหลด App ภาษาอังกฤษหละครับ เพราะเขาไม่ได้ทำ App สำหรับภาษาไทยโดยตรง แต่ไม่เป็นไร ขอให้ข้างในมีพระคัมภีร์ Version ภาษาไทยก็เพียงพอแล้ว


พอ Downdload App มาแล้ว จะปรากฎ Icon App สีแดงๆ ที่ชื่อว่า "Bible.is"


พอคลิ๊กเปิด App จะพบตัวที่ถามว่าจะยอมให้ "Push" ตำแหน่งที่ตั้งของเราหรือเปล่า ก็ให้กดไปเลยนะครับ เพราะมันจะทำให้ตัว App เลือกภาษาไทยให้เราอัตโนมัติเลยครับ เนื่องจากจะเช็คเจอว่าเราอยู่ประเทศไทยครับ เสร็จแล้วจะออกมาได้หน้าโปรแกรมตามภาพด้านล่างนี้ครับ

สังเกตว่าจะมีคำว่า TSV Thai Standard Version โดยด้านล่างจะมี 2ส่วนคือ Old Testament (พระคัมภีร์พันธะสัญญาเดิม) ที่จะมีแต่ส่วนของอักษร(Text) และ​ New Testament (พระคัมภีร์พันธะสัญญาใหม่) ซึ่งจะมีทั้ง เสียง(Audio) และอักษร นั่นหมายความว่า ใน App นี้จะสามารถฟังพระคัมภีร์ได้หนะสิครับ ว้าว ตื่นเต้น 

โดยวิธีการฟังก็คือ เลือกพระคัมภีร์ก่อนนะครับว่าจะให้อ่านบทไหน เสร็จแล้วก็คลิกที่ตัวไอคอน Play ด้านล่างตรงกลางใหญ่ๆนั่นหละครับ (แต่ต้องเป็นภาคพันธะสัญญาใหม่นะครับ) เสียงที่ได้ยิน รู้สึกจะเป็นแบบเวอร์ชั่นที่มีออกมานานแล้วทำเป็น MP3นั่นแหละครับ ฟังได้ชัดเจน ใช้ได้เลยครับ


แต่ผมก็มีข้อสงสัยว่า ไฟล์เสียงมันโหลดมาลงไว้ที่เครื่องเลยหรือว่าต้องฟังผ่าน Internet เท่านั้น ก็เลยลองตัดสัญญาณ Internet ออก แล้วมากดฟัง ปรากฎว่า ฟังไม่ได้ครับ มันขึ้นบอกว่าต้องฟังตอนต่อ Internet เท่านั้น อืม เข้าใจหละ


ถ้าอย่างนั้น ลองไปสำรวจการใช้งานในส่วนอื่นๆก่อนนะครับ วิธีการเปลี่ยนเล่มหนังสือ ก็โดยการคลิ๊กที่ด้านซ้ายบนสุด ตรงคำว่า Browse จะขึ้นมาเป็นหนังสือต่างๆให้เลือกครับ เลือกได้ทั้งเล่มไหน ข้อไหนก็ได้ครับ


อีกอันนึงที่น่าสนใจก็คือ ด้านข้างขวาคำว่า Browser จะมีสัญลักษณ์ตารางๆ ลองคลิ๊กเข้าไปดูจะเป็นส่วนของโปรแกรมอ่านพระคัมภีร์แบบต่างๆที่ทาง App ทำมาให้แล้วครับ มีทั้งอ่านแบบเดินตามพระเยซู 40วัน, อ่านพระคัมภีร์จบภายใน 365วัน ฯลฯ ซึ่งดีมากๆเลยครับ อ่านแล้วก็ติ๊กเครื่องหมายถูก ช่วยให้เราอ่านพระคัมภีร์ได้อย่างมีวินัยมากขึ้น แต่ข้อด้อยนิดนึงคือมีแต่ภาษาอังกฤษครับ แต่ก็เอามาประยุกต์ใช้อ่านภาษาไทยได้ครับ




อันต่อมาที่ดีมากๆ และผมก็ชอบมากคือส่วน "การค้นหาข้อพระคัมภีร์"ครับ ซึ่งดีมากกว่าโปรแกรม "Pocket Sword" ค้นหาได้แม่นยำมากๆแม้จะเป็นภาษาไทยครับ เช่นผมค้นหาคำว่า "รักนั้นก็" ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่ามีแต่ในพระธรรม 1โครินธ์13 ก็หาได้ตรงเป๊ะครับ


แต่การค้นหาต้องมีการเปิดใช้ Internet ด้วยนะครับ ถ้าไม่มี Internet ก็จะใช้การค้นหาไม่ได้ครับ



สำหรับคนที่อยากอ่านพระคัมภีร์ในเวอร์ชั่นภาษาต่างๆบ้าง ก็สามารถทำได้ครับโดยการกดด้านมุมขวาบนสุด ที่ปัจจุบันเป็นเวอร์ชั่น TSV อยู่ จะขึ้นมาเป็นหน้าต่างใหม่ มีหลายภาษาให้เลือกเยอะมากๆ ผมลองเลือกดูภาษาอังกฤษครับ


ก็ปรากฎว่ามีพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษประมาณ 6 เวอร์ชั่นดังนี้



เมื่อเราลองกดไปตรงข้อพระคัมภีร์ใดๆก็จะขึ้นหน้าต่างมาใหม่ มีประโยชน์3อย่างดังนี้ครับ

1.กดไปยังสัญลักษณ์เหมือนรูปโบว์ เพื่อใช้สำหรับการทำคั่นข้อพระคัมภีร์หรือที่เรียกว่าการ Bookmark 

2.สัญลักษณ์ดินสอ ใช้สำหรับบันทึกย่อส่วนตัว เพิ่มเติมเข้าไปได้ตามอัธยาศัย


3.ส่วนนี้เพื่อสำหรับการแชร์ข้อพระคัมภีร์ดีๆไปยัง Social Network ต่างๆให้เพื่อนของเราได้ ดีมากๆครับ จากรูปจะมีขึ้นมา 2อันก่อนคือ Facebook และ Twitter 


ผมจะลองแชร์พระคัมภีร์ข้อนี้ไปยัง Facebook ก่อนนะครับ โดยการคลิ๊กไปที่ Login ของ Facebook


เราก็ต้องใส่ username กับ password เพื่อเข้าสู่ Facebook ก่อนครับ แล้วก็กดอนุญาตให้แชร์ผ่าน Facebookได้



เสร็จแล้วก็จะออกมาหน้านี้ ที่บอกว่าเราได้เชื่อมกับ Facebook แล้วครับ



ที่เราแชร์ไว้จะไปอยู่ในส่วนของ Wallpaper ของ Facebookของเรา เพื่อนๆเราก็จะเห็นว่าเราแชร์ข้อพระคัมภีร์อะไรมาหนุนใจได้


สุดท้าย สำหรับ App Bible.is ตัวนี้ ถ้าใช้กับ Ipad เมื่อเราเอียง Ipad ของเรามาในแนวนอน ตัว App ก็จะหมุนตามมา แล้วก็จะมีส่วนของหนังสือพระคัมภีร์ต่างๆอยู่ด้านซ้ายมือให้เลือกเปลี่ยนอ่านได้ตามใจชอบครับ ถือว่าสะดวกสบายมากๆ 


ซึ่ง App Bible.is สำหรับ Iphone ก็จะมีหน้าตาใกล้เคียงกันครับ การใช้งานเหมือนๆกัน เราสามารถใช้โปรแกรมนี้ประยุกต์ใช้ในหลายๆอย่างได้เช่น การให้ลูกแกะอ่านพระคัมภีร์เฝ้าเดี่ยว เสร็จแล้วก็ให้แชร์พระคัมภีร์ข้อนั้นมาที่ Facebook พร้อมกับมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น สิ่งที่ได้จากพระคัมภีร์ได้ทันที แทนการมาส่งสมุดเฝ้าเดี่ยวแบบก่อนที่เคยทำกัน เป็นต้นครับ (ถ้าลูกแกะมี Iphone หรือ Ipad นะครับ)

ซึ่งผมคิดว่าจะเอาประโยชน์นี้ไปใช้กับลูกแกะผมด้วยครับ ฮ่าๆ 

อย่างที่เคยบอก การที่เราไม่ต้องพกพระคัมภีร์เล่มหนาๆ มาใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและคล่องตัวอย่าง Ipad Iphone ติดตัวกับเราไปได้ทุกที่ ทุกเวลา แถมยังสามารถเชื่อมต่อกับสังคมออนไลน์ได้ด้วย จะช่วยให้เราอ่านพระคัมภีร์ และศึกษาพระคัมภีร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมเยอะครับ และก็ไม่สามารถมีข้อแม้ให้ตัวเองได้แล้วว่า "เราไม่มีเวลาอ่านพระคัมภีร์" นะครับ

สรุปข้อดี และจุดเด่นของโปรแกรม App Bible.is
1. ใช้พระคัมภีร์ภาษาไทย เวอร์ชั่นของสมาคมพระคริสตธรรมไทย Thai Standard Version
2. การค้นหาคำ ข้อพระคัมภีร์ ทำได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ
3. มีทั้ง App สำหรับ Ipad และ Iphone
4. ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แต่ถ้าจะให้ดี ใครมีภาระใจ สามารถถวายได้ครับ
5. สามารถฟังพระคัมภีร์ โดยให้โปรแกรมอ่านให้เราฟังได้ เป็นประโยชน์สำหรับคนตาบอด และคนขี้เกียจอ่าน(จริงๆ)
6. สามารถแชร์ข้อพระคัมภีร์ไปยัง Social Network ต่างๆของเราได้
7. มีโปรแกรมช่วยอ่านพระคัมภีร์หลากหลายตามความชอบใจ ตามความตั้งใจของแต่ละคน

ข้อบ่งชี้ในการใช้งาน ถ้าต้องการใช้ระบบเสียงอ่านพระคัมภีร์ และการค้นหาข้อพระคัมภีร์จะต้องใช้ในขณะที่ต่อ Internet เท่านั้นครับ

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เสียงที่ได้ยิน....

.. ใครคนนึง อยากได้ อยากมี อยากเหนือ คนอื่น

จึงร้องขอ...

สิ่งที่เขารู้ว่าคือ ปีศาจ หรือ สิ่งชั่วร้าย

ทุกครั้งที่เขาได้ .. ก็มีการสูญเสีย(ของผู้อื่น)เกิดขึ้น

แรกๆ เขาก็รู้สึกผิด แต่นานๆ วัน

เขาไม่รู้สึกอะไร เขาถูกหล่อหลอมไปกับความบาป

เขาสนุกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จนมีเสียงของปีศาจ เอ่ยออกมาด้วยความดีใจว่า ..

'ความคิดเราเหมือนกันทุกทีแล้วนะ'
มีคนเตือนเขาให้หยุด ..

แต่เขาไม่หยุด

เพราะอะไร ?

.. เพราะความอยากได้ อยากมี อยากเหนือ คนอื่น.. นั่นเอง"

เรื่องราวทั้งหมดข้างต้นคือ 'ละคร' ที่เคยดู ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้

และข้อความบางข้อความก็ลอยขึ้นมาในใจ..

....ข้อพระคัมภีร์ 2 ข้อ

1 พระวิญญาณได้ตรัสไว้อย่างชัดแจ้งว่า ต่อไปภายหน้าจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อ โดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวง และฟังคำสอนของพวกผีปิศาจ
2 ซึ่งมาจากการหน้าซื่อใจคดของคนที่โกหก คือคนที่จิตสำนึกเป็นทาสของมาร
... และคำถาม 2 ข้อ

1. เสียงที่เราได้ยิน กรอกหูเรา หล่อหลอมความคิดเรา ... สอนให้เราเป็นคนอย่างไร ?
2. เราแยกแยะได้แค่ไหนว่าเสียงนั้น ดี หรือ ไม่ดี ?

คำตอบของคำถามนี้คืออะไรในชีวิตเรา ?

.. และไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร

ก็ขออย่าให้เหมือนกับในละคร

ที่มีเสียงของวิญญาณชั่วที่เอ่ยออกมาด้วยความดีใจว่า ..

'ความคิดเราเหมือนกันทุกทีแล้วนะ'







God Be With You

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คำเทศนาที่คุณฟังเมื่อวันอาทิตย์..พอเข้าวันจันทร์่คุณยังสามารถจำได้ไหม



ผมกับครอบครัวเราวางแผนจะไปพักผ่อนที่หัวหินสัก 2วัน1คืน โดยเลือกออกเดินทางเช้าวันอาทิตย์ ใช้เวลาเดินทางสัก 2ชั่วโมงก็จะถึงหัวหิน ทันเวลานมัสการพระเจ้าของคริสตจักรที่นั่น
ตอนแรกผมวางแผนว่า เราจะไปเข้าคริสตจักรใจสมานหัวหิน แต่เนื่องจากแผนที่ไม่ค่อยชัดเจน ผมจึงเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายว่า เราจะไปเยี่ยมเยียนโบสถ์ดั้งเดิมแห่งหนึ่งของหัวหินที่ชื่อว่า "คริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์หัวหิน" ซึ่งผมเคยมีโอกาสไปร่วมนมัสการตั้งแต่สมัยเป็นอนุชนที่คริสตจักรสดุดีเมื่อกว่า 10ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมไปเตรียมค่ายพร้อมกับทีมงานล่วงหน้าเกือบ 2วัน เป็นคาบเกี่ยวกับวันอาทิตย์พอดี

ผมยังจำได้เลยว่าสมัย10กว่าปีก่อนนั้น คริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์หัวหิน มีอาคารเพียงอาคารเดียวคืออาคารห้องประชุม(เป็นหลังเดียวกับปัจจุบัน) แต่จะโล่งๆ ไม่มีแอร์ มีแต่พัดลมเพดาน พื้นที่คริสตจักรก็ตั้งอยู่กลางที่ดินไม่เล็กไม่ใหญ่ น่าจะประมาณ 100กว่าตารางวา แต่ที่ดินรอบๆคริสตจักรยังไม่มีอาคารอื่นๆเลยครับ ตอนนั้นที่พวกผมมาร่วมนมัสการ รวมกับสมาชิกคริสตจักรเดิมนับๆรวมๆแล้วน่จะไม่เกิน 50คนครับ แต่ก็เป็นคริสตจักรที่อบอุ่น และมีการทรงสถิตของพระเจ้าครับ

ผมกลับไปคราวนี้ หาไม่ยากครับแม้พื้นที่บริเวณจะเปลี่ยนไปหมดแล้ว เนื่องจากผมใช้ GPS ของ Garmin แล้วก็เปิดหมวดค้นหา "คริสตจักร หัวหิน" ก็ขึ้นจุดบนแผนที่เลยครับ!! ปัจจุบัน มีอาคารเพิ่มมาอีก 2หลังคือ ตัวโรงอาหาร และสำนักงาน+ห้องสมุดของคริสตจักร ตัวอาคารคริสตจักรก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่หน้าต่างประตูได้มีการติดกระจกอลูมิเนียมเข้าไปแล้ว และก็เปิดแอร์เย็นฉ่ำ แถมเครื่องเสียง เครื่องดนตรีก็เป็นของดีทันสมัยขึ้น จอฉายภาพก็มีทั้งแผ่นใส และProjector แบบใหม่ แต่ต้องยอมรับจริงๆว่า จำหน้าศิษยาภิบาลว่าเป็นคนเดียวกันกับเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหรือเปล่านะครับ

ผมเข้าไปถึงประมาณ 9.30น.พอดีช่วงเรียนรวีวารศึกษาของคริสตจักร ผมก็นั่งฟังอยู่ด้านหลังนะครับ ศบ.ท่านก็ใช้แผ่นภาพอธิบายเรื่องความรอดแบบสมัยก่อนเป๊ะๆ ผู้ฟังก็ค่อนข้างเป็นผู้อาวุโสแล้ว น่าจะเป็นผู้เชื่อใหม่ ผมมองซ้ายมองขวาหากลุ่มวัยรุ่นของคริสตจักรก็มีอยู่ 2-3ท่านครับ แต่พอเข้าสู่ช่วงนมัสการก็เห็นมีกลุ่มหนุ่มสาวร่วม10กว่าคนได้ อืม น่าสนใจมากๆ เพราะผมมองว่า คริสตจักรใดที่พร้อมจะเติบโต กลุ่มหนุ่มสาวจะเป็นดัชนีชี้วัดได้เป็นอย่างดี เหมือนกับคริสตจักรนี้ครับ และครึ่งนึงในนั้นก็มาเป็นทีมนมัสการและดำเนินรายการในช่วงเช้านั้น ถือว่าดีมากครับ เพลงนมัสการก็เป็นเพลงใหม่ๆแล้วทั้งนั้น หลังจากจบช่วงนมัสการ อาจารย์ศิษยาภิบาลก็ได้นำเราร้องเพลงชีวิตคริสเตียนเก่า(มากๆ)ที่ชื่อว่า "เชื่อและฟังคำ"อยู่หลายรอบมากๆ จนผมแปลกใจ ผมมีคลิปวีดีโอ และเนื้อร้องเป็นอย่างนี้ครับ



1. ถ้าเราเดินตามพระเจ้า พระเยซูทรงนำเรา
When we walk with the Lord in the light of His word
และประทานรัศมีให้อิ่มหนำ
What a glory He sheds on our way!
เมื่อเราทำตามพระทัย พระองค์สถิตในใจ
While we do His good will
He abides with us still,
ของทุกคนที่ยอมเชื่อและฟังคำ
and with all who will trust and obey

**เชื่อและฟังคำ ไม่มีทางอื่นเที่ยงธรรม
Trust and obey, for there's no other way
พระเยซูโปรดให้ความสุข แก่ผู้เชื่อและฟังคำ
To be happy in Jesus, but to trust and obey

2. ไม่มีความทุกข์เกิดขึ้นได้ ไม่มีมืดในจิตใจ
Not a burden we bear, not a sorrow we share
เพราะอำนาจของพระคริสต์ขับไล่ไป
But our toil He doth richly repay!
ไม่ต้องกลัวหรือสงสัย ไม่มีโศกเศร้าร้องไห้
Not a grief nor a loss, not a frown or a cross
มาแผ้วพานเมื่อเราเชื่อและฟังคำ
But is blest if we trust and obey

3. ถ้าเรามีความลำบาก หรือถ้ามีความทุกย์ยาก
But we never can prove the delights of His love
พระเยซูทรงช่วยให้พ้นมารร้าย
Until all on the altar we lay
หากมีความทุกข์เหลือหลาย ไม่ต้องยากซ้ำช้ำใจ
For the favor He shows, for the joy He bestows
พระองค์ช่วยผู้ที่เชื่อและฟังคำ
Are for them who will trust and obey

4. ความสัมพันธ์อันชื่นใจ จะนั่งใกล้พระบาทไท้
Then in fellowship sweet we will sit at His feet
เราจะเดินอยู่เคียงข้างพระผู้ไถ่
or we'll walk by His side in the way
ให้ไปไหนเต็มใจไป ยินดีทำตามพระทัย
What He says we will do,
where He sends we will go
ไม่ต้องกลัวแต่จงเชื่อและฟังคำ
never fear, only trust and obey



แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเทศนา ผมก็ถึงบางอ้อ เพราะว่าท่านเทศน์ในหัวข้อเรื่อง "เชื่อและทำตาม" ซึ่งคำเทศนาเป็นแบบง่ายๆมาก แต่เต็มไปด้วยสติปัญญาและมีพลังเหลือเกิน ตอนจบท่านก็นำเราร้องเพลงนี้อีกรอบนึง จนกระทั่งแม้ว่าผมจะเดินออกมาจากโบสถ์แล้วก็ คำเทศนานั้น และเนื้อเพลงในท่อนสร้อยก็ดังติดหูผมตลอดเวลา แตกต่างจากการฟังคำเทศนาในหลายๆคริสตจักรที่เคยได้ยินมา แค่เดินออกจากโบสถ์แล้วมีคนถามผมว่า เทศนาเรื่องอะไร บางทีผมก็ยอมรับว่าจำไม่ได้ครับ

ผมว่าผู้เทศนาที่ดี ไม่ใช่การเตรียมคำเทศนาที่สนุกสนานหัวเราะขำกลิ้ง หรือส่วนการอรรถาธิบายที่ลึกซึ้งตามหลักนักศาสนศาสตร์ที่เก่งกาจ แต่ผมว่าเป็นการเทศนาแล้วทำให้ผู้ฟังจดจำ และมีอิทธิพลต่อชีวิตของเขาหลังการเทศนานั้นได้นาน และจริงจังมากแค่ไหนต่างหากครับ บางครั้งกับคำเทศนาที่ฟังง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ และสามารถจดจำได้ดี จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้ฟังได้มากกว่าการเทศนาแบบอื่นเสียด้วยซ้ำ เมื่อชีวิตผู้ฟังได้รับการเปลี่ยนแปลง ได้รับการหนุนใจให้เดินตามพระวจนะ นั่นแหละครับที่ผมจะเรียกว่า การเทศนานั้น"ประสบความสำเร็จ" อย่างแท้จริง

ผมขอบคุณพระเจ้าที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนคริสตจักรแห่งนั้น และได้รับพระพรทั้งจากการได้ระลึกถึงความหลังครั้งเก่าก่อน รวมไปถึงได้รับแรงบันดาลใจในการเตรียมคำเทศนาที่ดีครับ

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

God be with you \(^o^)/





วันนี้ยังไม่มีบทความใดๆ (^o^)\

เลยแวะมาหนุนใจแทนแล้วกัน

ขอพระเจ้าเสริมกำลังในการงานทุกอย่างที่ทำอยู่

เห็นการเกิดผลในทุกๆ พันธกิจ ทุกงานที่อยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า

ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่ หรือเล็กน้อย

ไม่ว่าจะเป็นคริสตจักรใด อยู่ ณ แห่งหนตำบลใด ก็ตาม

ทุกมือที่หว่าน จะได้รับการเก็บเกี่ยว




.. ขอพระเจ้าเสริมกำลังค่ะ \(^o^)/..

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

หินสะดุด



หินสะดุด ..... คือ บางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เราหยุดชะงัก


อาจไม่ใช่ การทดลองใดใด อาจไม่ใช่ การต่อต้าน


อาจไม่ใช่ สิ่งที่เรามองเห็น 'สะดุด' สิ่งเหล่านี้เรามองไม่เห็น หรือไม่ใส่ใจที่จะมอง


เราเลย 'สะดุด'


เราไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้มีผลต่อชีวิต ต่อความคิดของเรา


มันคืออะไรหล่ะ ?


บางที อาจจะเป็นเพียง 'คำพูด' ที่พร่ำบ่นต่อว่าบางสิ่งบางอย่างระหว่างวัน


บางที อาจเป็นเกมส์มันส์ๆ ที่เราใช้เวลาอยู่กับมันทั้งวัน จนละเลยหน้าที่บางอย่าง


บางที อาจเป็นนิสัยส่วนตัวบางส่วน ที่เราไม่อยากละทิ้ง แม้รู้ว่ามันไม่ถุกต้อง แต่คงซ่อนเอาไว้ก่อน


เห็นไหม ?


สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่มาจากภายนอกเลย


มาจากชีวิตภายในเราทั้งนั้น แล้ว หินสะดุดในชีวิตคุณคืออะไรหล่ะ ? .

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เรียนรู้...ที่จะ 'รัก'



‘รัก’ คือ อะไร …. ? ต่างคน ต่างคิด ต่างความหมาย
‘รัก’ เพราะ … ? รักเพราะรัก มากมาย หลายเหตุผล
‘รัก’ ใคร …. ? รักเพียงแค่ … ใครบางคน
แล้ว ‘รัก’ เรา นั้นหล่ะ เป็นเช่นไร ……

วันนี้ ความรัก ของเรา คืออะไร แล้วใคร คือคนที่เรารัก ….
เพื่อนสนิท … มิตรสหาย … คนที่ดีกับเรา
หรือ… คนที่คิดร้ายเรา ?

เคยได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ไหม ….

‘แม้ว่าท่านรักผู้ที่รักท่าน จะได้บำเหน็จอะไร
ถึงพวกเก็บภาษีก็ยังกระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ’ (มัทธิว 5:46)

‘ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของตนฝ่ายเดียว
ท่านได้กระทำอะไรเป็นพิเศษยิ่งกว่าคนทั้งปวงเล่า
ถึงคนต่างชาติก็กระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ’ (มัทธิว 5:47)
มันคงจะยาก…ที่จะบอกใจ ว่าให้รักคนที่เราไม่ชอบหน้า
มันคงจะยากยิ่งกว่า…ที่จะบอกใจ ว่าให้รักคนที่เราเป็นศัตรู
และ มันคงจะยากที่สุด …ที่จะบอกใจ ให้รักคนที่ทำร้ายเรา

‘แต่เราบอกท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า
จงรักศัตรูของท่าน จงทำดีแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน’ (ลูกา 6:27)
‘จงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
เพราะความรักย่อมผูกพันทุกสิ่งไว้ให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์’
(โคโลสี 3:14)
เราจะทำได้ ดังเช่น พระคริสต์ ….ไหม ?

ขอความรักของพระคริสต์ เปลี่ยนแปลงเราเถิด …
ให้วันนี้ เราเรียนรู้ …



ให้วันนี้ เราดำเนินชีวิตไปให้ถึง …ซึ่งความสมบูรณ์


ให้วันนี้ เรากลับไปสู่ความรักดั้งเดิมของพระองค์


หรืออย่างน้อย ก็อย่าให้เรา มีส่วนทำให้
ความรักนั้น … เยือกเย็นลง (มัทธิว 24:12 )

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

นี่คือเวลา .... เวลาแห่งการอธิษฐาน


ในปี 1650 เยเรมีย์ เทเลอร์ ได้เขียนหนังสือชื่อ
“กฏและการกระทำของชีวิตที่บริสุทธิ์ (The Rules and Exercises of Holy Living)”
เขากล่าวเกี่ยวกับการอธิษฐานว่า


“พระคริสต์ทรงมอบฤทธิ์อำนาจของการอธิษฐานไว้ในมือมนุษย์
และคำอธิษฐานของมนุษย์ได้ช่วยให้เมืองและอาณาจักรต่างๆ รอดพ้นจากความพินาศ
คำอธิษฐานได้ชุบคนตายเป็นขึ้นสู่ชีวิต
ได้หยุดความรุนแรงของเพลิงที่เผาผลาญ
ได้ปิดปากของสัตว์ร้าย
ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของธรรมชาติ
ได้ทำให้ฝนตกในอียิปต์ และทำให้น้ำในทะเลแห้งผาก
คำอธิษฐานปกครองเหนือพระทั้งปวง
ได้หยุดดวงอาทิตย์ไม่ให้เคลื่อนไปและทำให้ดวงจันทร์หยุดโคจร
คำอธิษฐานทำให้การทนทุกข์ทรมานและความอ่อนแอของเรา
เป็นมิตรกับความรุนแรงของการทรมานและการข่มเหง
คำอธิษฐานทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย
และจัดหาทุกสิ่งที่เราต้องการและยังขาดอยู่นั้นให้แก่เรา”



วันนี้ ...

ขออย่าหยุดยั้ง และ เหินห่าง …
อย่าให้การอธิษฐาน นั้นไกลห่างจากชีวิตของเรา …
เพราะวันนี้ ...
อาจจะมีช่องว่างเล็กๆ ช่องหนึ่ง ที่คอยให้เราเป็นผู้เริ่ม…
เริ่มที่จะ … อธิษฐาน
เพียง ข้อความสั้นๆ ที่วิงวอนจากหัวใจ …
เพียง ข้อความสั้นๆ ที่เต็มล้นด้วยความเชื่อ …
เพียง แค่เป็นคน คนนั้น ที่มีใจ …. ‘อธิษฐาน’
ก็สามารถอุดช่องว่างเล็กๆ … นั้นได้
เพียงเราเริ่มต้น ... 'อธิษฐาน'
แล้ววันสุดท้ายมาถึง …
เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา
จะพบว่า …
ที่ตรงช่องว่าง … ช่องนั้น
ยังคงมีเรา..
เป็นผู้ที่หยัดยืน ...
…. และทำบางสิ่ง
… สิ่งที่เป็นชีวิต ...
… ชีวิตแห่งการอธิษฐาน

… และนี่คือ เวลา …

“เวลาแห่งการอธิษฐาน ”


... และคำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้น มีพลังมากและเกิดผล" (ยากอบ 5:16)

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

Letter to You....


ณ วันนั้น ฉันนั่งลงเขียนจดหมาย

ฉันเขียนบอกกับเธอไปว่า

“…จะให้เราทำจริงหรอ ทำไม่ได้หรอก เราก็เป็นเพียงแค่น๊อตตัวเล็กๆ ตัวนึง
สิ่งที่ให้ทำมันเกินความสามารถเกินไปนะ เอาอะไรที่ง่ายๆ กว่านี้มีไหม ส่วนสิ่งนี้ให้คนอื่นทำเถอะ …”

มันเป็นความในใจที่ฉันเขียนบอกเธอไปอย่างนั้น แล้วเวลาก็ผ่านไป…


วันนี้ ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาถึงฉัน … … จดหมายจากเธอ นั่นเอง


Dear Blue


.... เราได้รับจดหมายจากเธอแล้วนะ

ที่เธอคิดว่าเธอเป็นเพียงน๊อตตัวนึงที่คงทำบางสิ่งบางอย่างที่เราให้ทำไม่ได้หรอก

เธอคิดถูกแล้วที่เธอเป็นน๊อตตัวนึง แต่ไม่ถูกที่คิดว่าเธอทำไม่ได้

อยากให้จำไว้นะบลู เธอต้องเรียนรู้ที่จะเข้าสนิทอยู่ในการทรงสถิตของเราโดยไม่มองดูที่ตัวเอง
เธอจะไม่สามารถฟังเสียงเราหรือพูดกับเราได้หากเธอยังมัวแต่มองดูที่ตัวเองอยู่

เพราะจะทำให้ทุกเวลาเธอรู้สึกและเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เราเรียกให้เธอทำ

แต่ไม่ใช่เพราะความพร้อมหรือความมั่นใจว่าตัวเธอทำได้หรอกนะที่จะทำให้เราใช้เธอ

อย่ามองดูที่ความไม่พร้อมของตัวเองซิ แต่จงมองดูความเพียบพร้อมบริบูรณ์ของเรา

และหยุดต่อว่าตัวเองว่าไม่ดีพอ แต่จงมองดูความชอบธรรมของเรา
เมื่อเราใช้เธอ นั่นไม่ใช่เพราะตัวเธอ แต่เพราะเราเอง

.... เธอคงรู้สึกว่าเราไม่พอใจในหลายๆ ครั้งเมื่อเธอเริ่มมองดูที่ตัวเอง

นี่คงเป็นความไม่พอใจเดียวกับที่เรามีต่อโมเสส เมื่อเขาเริ่มบ่นถึงความไม่พรักพร้อมของตัวเอง

สิ่งเหล่านี้แสดงว่า เธอมองดูตัวเองมากกว่ามองดูเรา

เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ บางครั้งเราไม่สามารถใช้บางคนเพื่อทำบางสิ่งได้ในบางเวลา

ก็เพราะเขาไม่เห็นคุณค่าตัวเองว่าเราใช้เขาได้ ซึ่งบางทีอาจมองเป็นความถ่อมใจ

แต่เป็นความถ่อมใจอย่างผิดๆ

ซึ่งความถ่อมใจที่ผิดนี้ เป็นรูปแบบหนึ่งของความเย่อหยิ่งซึ่งทำให้มนุษย์ล้มลงในความบาป

ลองมองดู อาดัมและเอวาซิ พวกเขาเริ่มรู้สึกถึงความไม่ครบถ้วนของตัวเอง

และต้องการเป็นมากกว่าที่เราได้สร้างเขามา เขาเลยล้มลง




.... ดังนั้น

มั่นใจนะ อย่าคิดว่าทำไม่ได้

หากเราใช้ วางใจในเราซิ

ให้เราสร้างเธอในแบบที่เธอควรจะเป็น

จำไว้นะ ว่าเมื่อเราใช้เธอ

นั่นไม่ใช่เพราะตัวเธอพร้อม

แต่เพราะเรามั่นใจว่าเธอทำได้ .....

ลองมองดู ...

สิ่งเล็กๆ ที่พระเจ้าใส่ไว้ในชีวิตเรานั้นคืออะไร ?

ใช้มันออกไป ...

แม้มันอาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าใครเขา

แต่มันคือสิ่งที่พระเจ้าได้สร้างเรา ในแบบ ที่เราเป็น

~^_____________^~


ปล. เนื้อหาเค้าโครงดัดแปลง จากหนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านมา แต่จำไม่ได้ว่าเล่มไหนในบ้าน ค้นเจอแล้วจะเข้ามาแจ้งที่มานะคะ
ภาพประกอบ จากค้นหาจากเว็บไซต์

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ว่ายทวนกระแส.....

เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง
เรื่อง "มาตรฐาน"

มาตรฐานของพระเยซู กับ มาตรฐานของโลก







.. ความชอบธรรมของคริสเตียนจะต้องลึกซึ้งกว่าเพราะแทงทะลุถึงจิตใจ..
ดีไม่ดี ไม่ได้วัดที่พฤติกรรมและการกระทำภายนอกแค่นั้น
เพราะเดี๋ยวการแสร้งว่าดีนั้นมีเยอะ แต่ต้องวัดกันที่จิตใจกันเลยทีเดียว

.. ความรักของคริสเตียนจะต้องกว้างขวางกว่า เพราะรวมถึงศัตรูด้วย..
อย่ารักแค่คนน่ารัก แม้แต่คนที่เราเกลียด เราควรที่จะรักและอภัยแก่เขา
หาทางที่จะปรับความเข้าใจ เคลีย์ในสิ่งที่เป็นปัญหากัน
.. การปฏิบัติศาสนกิจของคริสเตียนต้องไม่ทำเพื่อโอ้อวดตัวเองแบบคนหน้าซื่อใจคด..
การทำอะไรเพื่อโอ้อวดก็ไม่ดีทั้งนั้นแหล่ะ
.. ไม่อธิษฐานแบบนกแก้วนกขุนทอง ต้องทำด้วยใจจริง..
ทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ

ฯลฯ


แต่ในชีวิตจริง เคยได้ยินบ่อยครั้ง กับคำว่า ‘ ก็ทำตามๆเขา ไปเถอะ ’

คือ ส่วนใหญ่เขาทำอย่างไร ก็ทำตามๆ กันไป

ซึ่งถ้าสิ่งนั้นดี ก็ดีไป แต่ถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องหล่ะ !

"ความถูกต้อง" จะถูกกลืนไปกับพฤติกรรมของ "คนส่วนใหญ่" ไหม ?
ค่านิยมที่ดีหลายอย่างถูกกลืนหายไป

และหลายอย่างที่ไม่ดีก็ถูกดูดซึมในชีวิตของคนเรา
ผ่านสื่อต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา

จนบางอาจเกิดความคิดว่า ‘ ก็ไม่เห็นว่ามันไม่ดีตรงไหนนี่ ’

แล้วอนาคต " มาตรฐาน" ในสังคมจะเป็นเช่นไร ?

เรา ... จะเป็นคนหนึ่ง
ที่ช่วยกันกำหนด มาตรฐาน
กำหนด สิ่งที่ดี อย่าให้ ความดี นั้นเลือนหายไป
.. ในรุ่นชีวิต...ของ...เรา ได้ไหม ?
(โรม 12:2) อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

คำอธิษฐานที่ไม่มีคำตอบ ?

(มาระโก 11:24) เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น









เช้าวันหนึ่ง ก่อนออกจากบ้าน มองบนฟ้า ฝนคงยังไม่ตกหรอก คงไปถึงออฟฟิศทันก่อนที่ฝนจะตก

Blue pray : "G ฝนอย่าพึ่งตกนะ ไม่อยากหยิบร่มไป แบกของเยอะแยะมากมายก่ายกองแล้ว (-_-) "

ก็เดินออกมายืนรอรถเมล์ตามปกติ ยืนรอใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงป้ายรถเมล์ รอไป 5 นาที รถก็ยังไม่มา มีคนเดินกางร่มมา



Blue think : "อืม..ฝนตกแล้วหรือนี่!!"

Blue pray : "G ให้ฝนหยุดตกเถอะ เดี๋ยวเปียก notebook เปียกด้วยหล่ะแย่เลย"

หลังจากจบคำอธิษฐานแล้ว .....

ฝนจากที่ตกเบาๆ เริ่มหนักขึ้นๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกดังคำอธิษฐาน

แต่บลูก็ยังคงยืนรอรถเมล์อยู่ที่เดิม...รถยังไม่มา

Blue pray : "G ขอทรงหยุดฝนเถิด ดูซิฝนตกหนักมากขึ้นแล้ว ! "

คนรอบข้างเริ่มหาที่หลบฝน เริ่มหยิบร่มขึ้นมากาง

อีกสัก 3 นาที รถเมล์มา ....

บลูเดินขึ้นรถเมล์ไป ...................




Blue think : "คำอธิษฐานนี้ไม่มีคำตอบหรือ ?"



เสียงหนึ่งก็เข้ามาในใจ : "เปล่าเลย..เราไม่ได้ไม่ตอบคำอธิษฐานของเจ้า เพียงแต่เจ้าจำกัดคำตอบของเราต่างหาก เจ้าขอให้ฝนหยุดตก แต่เรารู้ถึงความต้องการของเจ้าคือไม่ต้องการที่จะเปียกฝน แล้วเจ้าเปียกฝนหรือเปล่าเล่า ขณะที่คนรอบข้างหยิบร่มขึ้นมากาง หาที่หลบฝน แต่เจ้ายังคงยืนรอรถเมล์ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นโดยไม่เปียกฝน เจ้ารอจนรถเมล์มาแล้วเดินขึ้นรถเมล์ไป เจ้าก็ไม่เปียกฝน ...เรายังไม่ตอบคำอธิษฐานของเจ้าอีกหรือ "

อืม (O____________O)!

Blue think : " นั่นซิ เราไม่เปียกฝนเลยนี่หว่า! เรายืนรอรถเมล์ใต้ต้นไม้ ทั้งๆที่ปกติไม่ชอบยืนใต้ต้นไม้ แต่วันนี้เดินมายืนรอตรงนี้เฉยเลย รถเมล์มาจอดทางขึ้นด้านหน้าตรงกับที่เรายืนพอดี ให้เราเดินขึ้นโดยไม่เปียกฝน ทั้งๆที่ตรงนี้ยังไม่ถึงจุดที่จะจอดรถเมล์ตามปกติ "

อืม (O____________O)! เอ่อ..........................


หลายครั้งเราอาจเป็นเหมือนเด็กคนนี้

ที่จำกัดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพระเจ้าจะต้องตอบเราอย่างนั้นอย่างนี้ นะ ...

และเมื่อพอไม่เห็นอะไรเกิดขึ้นตามความคิดตามความเข้าใจของเราเอง ...

ก็เริ่มร้องโวยวาย พร่ำบ่นว่าทำไมพระเจ้าไม่ฟังเราเลย... ทำไม...ทำไม แล้วทำไม

...ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว...

หลายเหตุการณ์ ...

มีคำตอบสำหรับเราแล้ว แต่เราไม่ใส่ใจ

หลายเหตุการณ์ ...

พระเจ้าตรัสอยู่ข้างหูเรา แต่เราไม่ฟัง

หลายเหตุการณ์ ...

เราได้ไปกำหนดว่าคำตอบต้องเป็นอย่างใจเราต้องการ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด

และ หลายเหตุการณ์...

อาจจะหนักหนาเกินกว่าเราจะรับได้ แล้วพระเจ้าได้ดูแลเราให้สิ่งเหล่านั้นเบาบางลง โดยเราไม่รู้ตัว




" แล้ววันนี้ ... คุณฟังเสียงพระเจ้าแล้วหรือยัง ? "