วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คำเทศนาที่คุณฟังเมื่อวันอาทิตย์..พอเข้าวันจันทร์่คุณยังสามารถจำได้ไหม



ผมกับครอบครัวเราวางแผนจะไปพักผ่อนที่หัวหินสัก 2วัน1คืน โดยเลือกออกเดินทางเช้าวันอาทิตย์ ใช้เวลาเดินทางสัก 2ชั่วโมงก็จะถึงหัวหิน ทันเวลานมัสการพระเจ้าของคริสตจักรที่นั่น
ตอนแรกผมวางแผนว่า เราจะไปเข้าคริสตจักรใจสมานหัวหิน แต่เนื่องจากแผนที่ไม่ค่อยชัดเจน ผมจึงเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายว่า เราจะไปเยี่ยมเยียนโบสถ์ดั้งเดิมแห่งหนึ่งของหัวหินที่ชื่อว่า "คริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์หัวหิน" ซึ่งผมเคยมีโอกาสไปร่วมนมัสการตั้งแต่สมัยเป็นอนุชนที่คริสตจักรสดุดีเมื่อกว่า 10ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมไปเตรียมค่ายพร้อมกับทีมงานล่วงหน้าเกือบ 2วัน เป็นคาบเกี่ยวกับวันอาทิตย์พอดี

ผมยังจำได้เลยว่าสมัย10กว่าปีก่อนนั้น คริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์หัวหิน มีอาคารเพียงอาคารเดียวคืออาคารห้องประชุม(เป็นหลังเดียวกับปัจจุบัน) แต่จะโล่งๆ ไม่มีแอร์ มีแต่พัดลมเพดาน พื้นที่คริสตจักรก็ตั้งอยู่กลางที่ดินไม่เล็กไม่ใหญ่ น่าจะประมาณ 100กว่าตารางวา แต่ที่ดินรอบๆคริสตจักรยังไม่มีอาคารอื่นๆเลยครับ ตอนนั้นที่พวกผมมาร่วมนมัสการ รวมกับสมาชิกคริสตจักรเดิมนับๆรวมๆแล้วน่จะไม่เกิน 50คนครับ แต่ก็เป็นคริสตจักรที่อบอุ่น และมีการทรงสถิตของพระเจ้าครับ

ผมกลับไปคราวนี้ หาไม่ยากครับแม้พื้นที่บริเวณจะเปลี่ยนไปหมดแล้ว เนื่องจากผมใช้ GPS ของ Garmin แล้วก็เปิดหมวดค้นหา "คริสตจักร หัวหิน" ก็ขึ้นจุดบนแผนที่เลยครับ!! ปัจจุบัน มีอาคารเพิ่มมาอีก 2หลังคือ ตัวโรงอาหาร และสำนักงาน+ห้องสมุดของคริสตจักร ตัวอาคารคริสตจักรก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่หน้าต่างประตูได้มีการติดกระจกอลูมิเนียมเข้าไปแล้ว และก็เปิดแอร์เย็นฉ่ำ แถมเครื่องเสียง เครื่องดนตรีก็เป็นของดีทันสมัยขึ้น จอฉายภาพก็มีทั้งแผ่นใส และProjector แบบใหม่ แต่ต้องยอมรับจริงๆว่า จำหน้าศิษยาภิบาลว่าเป็นคนเดียวกันกับเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหรือเปล่านะครับ

ผมเข้าไปถึงประมาณ 9.30น.พอดีช่วงเรียนรวีวารศึกษาของคริสตจักร ผมก็นั่งฟังอยู่ด้านหลังนะครับ ศบ.ท่านก็ใช้แผ่นภาพอธิบายเรื่องความรอดแบบสมัยก่อนเป๊ะๆ ผู้ฟังก็ค่อนข้างเป็นผู้อาวุโสแล้ว น่าจะเป็นผู้เชื่อใหม่ ผมมองซ้ายมองขวาหากลุ่มวัยรุ่นของคริสตจักรก็มีอยู่ 2-3ท่านครับ แต่พอเข้าสู่ช่วงนมัสการก็เห็นมีกลุ่มหนุ่มสาวร่วม10กว่าคนได้ อืม น่าสนใจมากๆ เพราะผมมองว่า คริสตจักรใดที่พร้อมจะเติบโต กลุ่มหนุ่มสาวจะเป็นดัชนีชี้วัดได้เป็นอย่างดี เหมือนกับคริสตจักรนี้ครับ และครึ่งนึงในนั้นก็มาเป็นทีมนมัสการและดำเนินรายการในช่วงเช้านั้น ถือว่าดีมากครับ เพลงนมัสการก็เป็นเพลงใหม่ๆแล้วทั้งนั้น หลังจากจบช่วงนมัสการ อาจารย์ศิษยาภิบาลก็ได้นำเราร้องเพลงชีวิตคริสเตียนเก่า(มากๆ)ที่ชื่อว่า "เชื่อและฟังคำ"อยู่หลายรอบมากๆ จนผมแปลกใจ ผมมีคลิปวีดีโอ และเนื้อร้องเป็นอย่างนี้ครับ



1. ถ้าเราเดินตามพระเจ้า พระเยซูทรงนำเรา
When we walk with the Lord in the light of His word
และประทานรัศมีให้อิ่มหนำ
What a glory He sheds on our way!
เมื่อเราทำตามพระทัย พระองค์สถิตในใจ
While we do His good will
He abides with us still,
ของทุกคนที่ยอมเชื่อและฟังคำ
and with all who will trust and obey

**เชื่อและฟังคำ ไม่มีทางอื่นเที่ยงธรรม
Trust and obey, for there's no other way
พระเยซูโปรดให้ความสุข แก่ผู้เชื่อและฟังคำ
To be happy in Jesus, but to trust and obey

2. ไม่มีความทุกข์เกิดขึ้นได้ ไม่มีมืดในจิตใจ
Not a burden we bear, not a sorrow we share
เพราะอำนาจของพระคริสต์ขับไล่ไป
But our toil He doth richly repay!
ไม่ต้องกลัวหรือสงสัย ไม่มีโศกเศร้าร้องไห้
Not a grief nor a loss, not a frown or a cross
มาแผ้วพานเมื่อเราเชื่อและฟังคำ
But is blest if we trust and obey

3. ถ้าเรามีความลำบาก หรือถ้ามีความทุกย์ยาก
But we never can prove the delights of His love
พระเยซูทรงช่วยให้พ้นมารร้าย
Until all on the altar we lay
หากมีความทุกข์เหลือหลาย ไม่ต้องยากซ้ำช้ำใจ
For the favor He shows, for the joy He bestows
พระองค์ช่วยผู้ที่เชื่อและฟังคำ
Are for them who will trust and obey

4. ความสัมพันธ์อันชื่นใจ จะนั่งใกล้พระบาทไท้
Then in fellowship sweet we will sit at His feet
เราจะเดินอยู่เคียงข้างพระผู้ไถ่
or we'll walk by His side in the way
ให้ไปไหนเต็มใจไป ยินดีทำตามพระทัย
What He says we will do,
where He sends we will go
ไม่ต้องกลัวแต่จงเชื่อและฟังคำ
never fear, only trust and obey



แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเทศนา ผมก็ถึงบางอ้อ เพราะว่าท่านเทศน์ในหัวข้อเรื่อง "เชื่อและทำตาม" ซึ่งคำเทศนาเป็นแบบง่ายๆมาก แต่เต็มไปด้วยสติปัญญาและมีพลังเหลือเกิน ตอนจบท่านก็นำเราร้องเพลงนี้อีกรอบนึง จนกระทั่งแม้ว่าผมจะเดินออกมาจากโบสถ์แล้วก็ คำเทศนานั้น และเนื้อเพลงในท่อนสร้อยก็ดังติดหูผมตลอดเวลา แตกต่างจากการฟังคำเทศนาในหลายๆคริสตจักรที่เคยได้ยินมา แค่เดินออกจากโบสถ์แล้วมีคนถามผมว่า เทศนาเรื่องอะไร บางทีผมก็ยอมรับว่าจำไม่ได้ครับ

ผมว่าผู้เทศนาที่ดี ไม่ใช่การเตรียมคำเทศนาที่สนุกสนานหัวเราะขำกลิ้ง หรือส่วนการอรรถาธิบายที่ลึกซึ้งตามหลักนักศาสนศาสตร์ที่เก่งกาจ แต่ผมว่าเป็นการเทศนาแล้วทำให้ผู้ฟังจดจำ และมีอิทธิพลต่อชีวิตของเขาหลังการเทศนานั้นได้นาน และจริงจังมากแค่ไหนต่างหากครับ บางครั้งกับคำเทศนาที่ฟังง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ และสามารถจดจำได้ดี จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้ฟังได้มากกว่าการเทศนาแบบอื่นเสียด้วยซ้ำ เมื่อชีวิตผู้ฟังได้รับการเปลี่ยนแปลง ได้รับการหนุนใจให้เดินตามพระวจนะ นั่นแหละครับที่ผมจะเรียกว่า การเทศนานั้น"ประสบความสำเร็จ" อย่างแท้จริง

ผมขอบคุณพระเจ้าที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนคริสตจักรแห่งนั้น และได้รับพระพรทั้งจากการได้ระลึกถึงความหลังครั้งเก่าก่อน รวมไปถึงได้รับแรงบันดาลใจในการเตรียมคำเทศนาที่ดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น