วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

คุณรู้จักคำว่า "เกรียน" ไหมครับ!!!!






ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมมักจะได้ยินพวกผู้ใหญ่เขาพูดว่า "เด็กสมัยนี้เข้าใจมันยากจริงๆ" แล้วผมก็คิดในใจว่า "จะเข้าใจยากยังไง พวกผู้ใหญ่ก็เป็นเด็กมาก่อนไม่ใช่เหรอ"


แต่ตอนนี้พอผมเริ่มเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มั่ง อยู่ในวัยสามสิบต้นๆ ก็เริ่มค้นพบสัจธรรมแล้วว่า "เด็กสมัยนี้มันเข้าใจยากจริงๆ" ซึ่งผมพอจะเข้าใจว่า "สาเหตุ" ของความไม่เข้าใจนั้นก็คือ เรื่องของ"ยุคสมัย" มันไม่เหมือนกันครับ คืออย่างนี้......ผมจะอธิบายให้ฟัง แบ่งช่วงวัยรุ่นของแต่ละรุ่น

สมัยของพ่อ-แม่เรา ตอนนั้นสังคมมันมีอะไรบ้างในช่วงปี2500-2520
1. ดนตรี เอลวิส , สี่เต่าทอง , สุนทราภรณ์ , สตริงคอมโบเช่น รอยัลสไปรท์ ชาตรี ลูกทุ่งก็พวก สุรพล สมบัติเจริญ เต้นรำแบบดิสโก้ ร๊อคแอนโรล ช่วงนี้จะมีพวกยุคคาเฟ่ อาบ-อบ-นวด สงครามเวียดนาม
2. ภาพยนต์ เป็นขาวดำแต่ส่วนใหญ่จะ Hollywood , สมบัติ เมทนี, มิตรชัย บัญชา, เพชรา
3. สังคม ค่านิยม แฟชั่น ก็ยังเป็นแบบแต่งตัวมิดชิด กางเกงขาเดฟ ขาบาน เสื้อแขนยาวปกใหญ่ๆ รัดรูป(ผู้ชาย) จับมือถือแขนในที่สาธารณะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ สอนการรักนวลสงวนตัว
4. การติดต่อสื่อสาร มีแต่โทรศัพท์บ้านระบบหมุนด้วยนิ้ว(ใครยังจำกันได้มั่ง) ไม่ก็ยังต้องพึ่งพาไปรษณีย์ จดหมาย โทรเลข จะส่งเงินก็ต้องธนาณัติ ตั๋วแลกเงิน(ใครเคยใช้มั่ง)

สมัยของผม ช่วงปี 2520-2540
1. ดนตรี Rock , Pop ช่วงนี้จะพวก Boy Band Girl Group เยอะ เริ่มมีพวกBreak Dance, Rap ของไทยก็จะเริ่มด้วย วงแกรนด์X พี่แจ้, พี่เบิร์ด หาดทรายสายลม สบายๆ, นูโว, ไมโคร, อัศนี-วสันต์ ช่วงนี้จะเป็นช่วงการเกิดผับ-บาร์ RCA
2. ภาพยนต์ เป็นสีแล้วและเป็นพวกรักวัยรุ่นส่วนใหญ่ของไทยๆ เช่น ซึมน้อยหน่อยฯ, กลิ่นสีกาวแป้ง, มอ6/12, กระโปรงบานขาสั้น ยุคเต๋าสมชาย, มอส, แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ หนังโป๊หาดูยากมาก ต้องอาศัยแอบหาตามจตุจักร เป็นม้วนวีดีโอเทป "โป๊มั้ยน้องๆ"
3. สังคม ค่านิยม แฟชั่น เริ่มเป็นเสื้อยืดเข้ารูปมากขึ้น กางเกงยีนส์ขาม้า ขากระดิ่ง(ใครจำได้) เสื้อแขนกุดเริ่มเข้ามาสำหรับผู้หญิง ตอนปลายๆ ปี40 จะยุคต้นของสายเดี่ยว การจับมือเดินของวัยรุ่นหนุ่มสายเป็นสิ่งที่เริ่มยอมรับได้ว่าเป็นเรื่องปกติ
4. การติดต่อสื่อสาร ผมยังอยู่ตอนเริ่มใช้เพจเจอร์ แพคลิงค์ตั้งแต่เป็นแค่ตัวเลข มาเป็นระบบข้อความ ต้องโทรไปบอกข้อความให้ใครก็ไม่รู้เพื่อให้เขาพิมพ์ส่งให้ บางทีจะหยอกเพื่อนสักหน่อย พวกคำผวนก็เจอจะ "คำไม่สุำภาพไม่อนุญาตนะคะ" แหะๆ คร้าบ ผมผิดไปแล้วครับ

สมัยปัจจุบัน ปี2540-2552
1. ดนตรี โอยมีหลากหลายมาก พวกRockก็จะไปแบบที่เรียกว่า"ว๊ากเกอร์" ที่ตะโกนเสียงแหบๆ HipHopก็มาแรง เทรนเกาหลี ฟังไม่ออกหรอก แต่ร้องได้ การเต้นที่นิยม ก็คือ "โคโยตี้"ครับ คือเต้นที่Sexy ยั่วยวน โอย...ดูแล้วความดันขึ้นครับ ฮ่าๆ
2. ภาพยนต์ พวกการ์ตูนแบบเดิมไม่มีแล้ว เดี๋ยวนี้จะเป็นแบบ Animate คอมพิวเตอร์เยอะ ยิ่งพวกCGคอมพิวตอร์กราฟฟิกแทบทุกเรื่อง ฉากรุนแรง ฉากจูบ ฉากโป๊ ดูได้ดาษดื่นครับ ยิ่งโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต หาโหลดดูกันตามอัธยาศัย หนังโป๊ไม่ต้องดูแล้วครับ หาคลิปบรรดาชาวบ้าน-ดาราที่ถ่ายหลุดออกมา เร้าใจกว่าเยอะ
3. สังคม ค่านิยม แฟชั่น ผ้าน้อยชิ้นเหลือเกิน การเห็นหน้าอกหน้าใจ ไม่ถือว่าผิด มีข้อแม้เท่านั้นคือห้ามเห็น"หัวนม"ไม่งั้นเรียกว่าโป๊ โอ้ บร๊ะเจ้า(ศัพท์เกรียนเดี๋ยวมีสอนครับ) กระโปรงสั้นจู๋มาก เห็น กกน.ไม่เป็นไร ขออย่างเห็นHairก็พอ.... -_-" ไม่ไหวแล้วครับ ดาราันักแสดงหละตัวดีเลย ค่านิยมไปเร็วมาก เรื่องจูบกันหอมกันในที่สาธารณะเริ่มมีให้เห็นแล้ว แต่จะพบได้เสมอเมื่อไปผับ หรือบาร์ ค่านิยมการมีSexเมื่อแต่งงานแล้วเท่านั้น ผมพบว่าใครที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา จะโดนตำหนิทันทีว่าหัวโบราณ... อืมมมม
4. การติดต่อสื่อสาร ผมพบว่าไม่มีใครที่ติดต่อไม่ได้แล้วครับ.... แม้กระทั่งขอทานเขมรก็ยังมีโทรศัพท์มือถือ จากสมัยก่อนโทรศัพท์ราคาเป็นแสน ตอนนี้ 500บาทก็หาซื้อได้แล้วครับ(มือสอง) ซิมแจกฟรี เออคุณพ่อคุณแม่ครับ โทรเลขไม่มีแล้วนะครับ ที่ไปรษณีย์เขาเพิ่งยกเลิกไปเมื่อปีที่แล้ว.... และอินเทอร์เน็ตสำหรับคนที่อาศัยในเมืองใหญ่ ไม่มีใครที่ไ่ม่เล่นครับ อีเมล์มีกันทุกคนแน่นอน 

เกริ่นมาซะตั้งนาน เราจะพบว่า แค่ผ่านมาประมาณ 50ปี อะไรๆมันเปลี่ยนไปหมด และเปลี่ยนไปอย่างมากมายและรุนแรง ดังนั้นการที่เราจะไปเข้าใจคนรุ่นใหม่นั้น มันต้องใช้ความพยายามมากเลยครับ ผมก็อาศัยศึกษาเรียนรู้พวกเขาทั้งในชีวิตส่วนตัวและผ่านทางข้อมูลในอินเทอร์เน็ตนี่แหละ

ผมมีคำถามมาถามผู้อ่านครับว่า เคยได้ยินคำว่า "เกรียน" ไหมครับ รู้หรือเปล่าว่ามันหมายถึงอะไร
ถ้าคุณไม่เคยได้ยิน ก็ต้องยอมรับต่อตัวเองนะครับว่าคุณไ่ม่ค่อยได้พบปะกับวัยรุ่น หรือคนรุ่นใหม่เลย
ถ้าคุณเคยได้ยิน แต่ไม่เข้าใจความหมาย แสดงว่าคุณเคยพบปะวัยรุ่น แต่ไม่ได้ใช้เวลาหรือสังคมกับพวกเขา

ผมได้คัดความหมายของคำว่า"เกรียน" มาจาก เว็บ "ไร้สาระนุกรม" (งงอะดี้ เว็บนี้คืออะไร??)

เกรียนหรือศักดิเกรียน เป็นคำสแลงแทนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมก่อกวน ก้าวร้าวทางคำพูดและความคิด ไร้เหตุผล หรือคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของสังคมอินเทอร์เน็ต โดยมักจะแสดงออกในลักษณะที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนเด็กไม่ได้รับความสนใจ บุคคลกลุ่มนี้จะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลหรือการวิเคราะห์ไตร่ตรอง
คำว่า เกรียน มาจากทัศนคติของบุคคลที่เป็นเด็กนักเรียนชายที่ตัดผมสั้นหัวเกรียน ซึ่งมักจะแสดงพฤติกรรมดังกล่าวอยู่บ่อยๆ และกลุ่มบุคคลที่อยู่ในสภาวะเกรียน ส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก และยังเป็นกลุ่มเด็กที่เล่นเกมออนไลน์อีกด้วย เมื่อถูกเรียกบ่อยครั้งเข้า คำนี้จึงใช้แทนกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมเหล่านั้นไปเสีย โดยไม่คำนึงถึงอายุ มีการเปรียบเทียบว่า เกรียน คล้ายกับลักษณะของ นู้บ (noob, n00b) หรือ นูบี (newbie) ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลในอินเทอร์เน็ตตามเว็บบอร์ด หรือเกมออนไลน์ ที่มักจะเป็นคนใหม่และทำตัวเหมือนรู้ทุกเรื่อง (แต่ไม่ได้รู้จริงหรือไม่รู้เลย)
อาการของเกรียน
  • ชอบเรียกร้องความสนใจ ไม่รู้จักมารยาทในสังคม ด่าทอผู้อื่นแบบไร้เหตุผลแบบผีเจาะปากมาพูด เกรียนบางคนมักจะกล่าวหาว่าผู้อื่นเป็นเกรียน เพื่อโยนความเกรียนให้แก่ผู้อื่น และปกป้องตนเองว่าตนเองไม่ได้เป็นเกรียน
  • มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่รู้จัก หรือรู้จัก แต่ไม่มีมารยาทในสังคม ถึงขั้นที่เชื่อว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ ทั้ง ๆ ที่เป็นความเชื่อที่คนปกติไม่คิดกัน
  • มีความอดทนต่อสิ่งเร้าภายนอกน้อยกว่าบุคคลปกติ หรือมักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ เพราะภูมิคุ้มกันทางสังคมต่ำและได้รับการอบรมมาน้อย หรือได้รับการอบรมมามากจนชินชาและจะปฎิเสธการอบรมต่างๆ
  • มักจะอวดเก่งว่าตัวเองไม่เคยกลัวอะไร แต่เมื่อเจอเข้าจริงๆ กลับกลัวหางจุกตูด
  • ใช้การแสดงออกทางวาจา (หรือข้อความที่พิมพ์ในเว็บไซต์) มากกว่าทางความคิด เนื่องจากเป็นพวกไม่มีสมอง จึงคิดไม่เป็น
  • มี EQ ติดลบ และ IQ เป็นศูนย์ เนื่องจากใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
  • ชอบสร้างประเด็นปัญหา ทำให้เกิดข้อขัดแย้งโดยไร้เหตุผลพื้นฐานที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง เหตุผลก็อย่างที่บอก พวกนี้มันไร้สมอง
  • มักจะรวมกลุ่มระหว่างเกรียนกันเอง (หรือกระทั่งสร้างเว็บไซต์รวมกลุ่มโดยเฉพาะ) เนื่องจากผู้อื่นไม่คบหาสมาคม

เด็กสมัยนี้จะไม่เหมือนสมัยก่อนนะครับ เนื่องจากเขาจะมีโลกอีกโลกหนึ่งที่ตัวตนของเขาเป็นอยู่ นั่นคือในโลก "ไซเบอร์" ที่เขาจะสามารถแสดงตัวตนในแบบที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆช๊อคได้ เนื่องจากโลก "ไซเบอร์"มันเป็นโลกที่การพูดคุย หรือปฏิสัมพันธ์กันสามารถจะเป็นตัวตนจริงของเรา หรือไม่เป็นตัวตนจริงของเราก็ได้ บางทีเราเข้าไปพูดคุยตามเว็บบอร์ดต่างๆ อาจจะพิมพ์ด้วยคำพูดที่เราไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบคำพูดของเราเหมือนกับโลกความเ็ป็นจริง เพราะไม่มีใครรู้จักใครในอิืนเทอร์เน็ต(ยกเว้นคุณจะแสดงตัว)

ทำให้ปัญหาของเด็กที่ติดอยู่ในโลกของ อินเทอร์เน็ตหรือไซเบอร์นี้ จะมีEQต่ำ(ความฉลาดทางอารมณ์และปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น)  ผมมีธุรกิจคือร้านอินเทอร์เน็ต ดังนั้นผมจะสัมผัสกับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ทุกวัน ซึ่งผมพบว่า ถ้าผู้ใหญ่เราไม่เข้าใจโลกของเขา จะทำให้เราไม่สามารถสอนหรือแนะนำเขาในทางที่ควรจะเป็นได้ และผมก็พบว่าผู้ใหญ่สมัยนี้ ร้อยละ 90% ไม่เข้าใจวัยรุ่นจริงๆครับ อาจจะมีคนแย้งว่า "แล้วไง คนสมัยก่อนยังไม่เข้าใจเราเลย ก็ไม่เห็นมีปัญหานี่" ก็ถูกครับ แต่ไม่หมด เพราะที่ผมเกริ่นมาตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปไวมาก ค่านิยมก็เปลี่ยนไป เด็กวัยรุ่นในยุคก่อน อย่างมากไม่เข้าใจเขาก็อยู่แค่กับเพื่อน เหล้า ยา.. แต่เด็กสมัยนี้ ถ้าเขาหลงทางแล้ว เขามีทางไปผิดทางได้มาก เช่น คุณเคยได้ยินเด็กวัยรุ่นทำระเบิดจากข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไหมครับ.... หรือเด็กวัยรุ่นที่ถ่ายคลิปวีดีโอแฟนของตัวเองขณะที่กำลังมีอะไรกัน แล้วก็ส่งเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต หรือเด็กวัยรุ่นที่อารมณ์รุนแรง ขับรถไล่ชนคนและกระเป๋ารถเมล์เนื่องจากควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ (ลูกนางสาวไทยซะด้วย) ที่ร้านผมรู้จักน้องคนนึงอายุ 12เป็นเอเ่ย่นต์ขายยาบ้าครับ (แ่ต่ปัจจุบันกลับใจมาเป็นคริสเตียน)

ผมแนะนำนะครับว่า สำหรับคุณที่จะมีลูก หรือมีน้องชายน้องสาว หรือแม้กระทั่งจะรับใช้พระเจ้ากับกลุ่มเด็กวัยรุ่น ต้องเขาใจ และรู้จัก"โลก"ของเขาครับ ในอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลของพวกเขา สังคมของเขาอยู่มากมายเลย ผมจะแนะนำเว็บไซต์ที่คุณได้อ่านข้อมูลแล้ว จะปวดหัว ปวดตับ ปวดม้าม แต่ก็ปนความสนุกแบบไร้สาระ ผ่านทางเว็บไซต์ที่ชื่อว่า "ไร้สาระนุกรม"(uncyclopedia) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เลียนแบบมาจากเว็บ "สารานุกรมเสรี"(Wikipedia")ที่เป็นแหล่งความรู้ อันมาจากผู้ใช้ทุกคนที่จะเข้าไปเขียน แก้ไข เสริม เติมข้อมูลเหล่านั้นอย่างเสรีครับ

เว็บไร้สาระนุกรม คุณจะพบสิ่งต่างๆที่ัวัยรุ่นสมัยนี้ นิยามความหมาย และโลกของเขาที่สับสน ปนไร้สาระ แต่ก็มีความสนุกสนาน สดใสอยู่ในตัวของพวกเขานั้น (แต่ก็มีผู้ใหญ่หลายคนเข้าไปแจมด้วย) ผมเสนอให้คุณอ่านข้อมูลคำว่า "เกรียน" และคำวา "เมพ" ก่อนนะครับ แล้วจะรู้ว่า เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ เขาเป็นอย่างไร ถ้าคุณขำและสบถออกมาว่า "ปัญญาอ่อน" นั่นแหละครับ คุณกำลังเข้าใจโลกของเขาแล้ว

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ผมฝัน...เห็นการนมัสการในประเทศไทย....ดีกว่าที่เป็นอยู่



คราวที่แล้ว พูดถึงเพลงนมัสการของ Hillsong United อัลบั้มใหม่แล้วตอนท้ายก็พูดนอกเรื่อง(ตามน้ำ) ไปถึงการแปลเพลงนมัสการที่เป็นภาษาอังกฤษเหล่านี้มาเป็นภาษาไทย แต่พบปัญหามากมาย เช่น เพลงไม่มีใครแปล หรือแปลแต่ไม่แพร่หลาย โดนบ่น โดนว่าห่วย ฯลฯ คนแปลก็เสียกำลังใจ พวกชอบติ แต่ไม่ชอบก่อมีเยอะ ยิ่งพวกที่เห็นคนล้มแล้วแทนที่จะช่วยพยุงกลับซ้ำยิ่งมีเยอะ... หรือต่างคนต่างแปลเพลงเดียว ปาไป 4-5 เวอร์ชั่น (อย่างเช่นเพลง Shout to the Lord)


รายการอเมริกันไอดอล ยังนำมาร้อง แสดงว่าดังจริงๆ เป็นเพลงของทาง Hillsong Australia ครับ

ผมรู้สึกดีใจนะครับ ที่ได้พบว่า พี่น้องคริสเตียนหลายคนให้ความสนใจกับการทำศูนย์กลาง หรือองค์กรนึงขึ้นมาเอาแบบเล็กๆแต่ทำงานเป็นมืออาชีพ เกี่ยวกับการนำเพลงนมัสการที่แปล มาขัดเกลาหรือให้การยอมรับว่าใช้ได้ เพื่อที่ทุกคริสตจักรจะได้นำไปใช้เป็นเนื้อเดียวกันครับ แล้วผมยังมองต่อไปว่า น่าจะให้การสนับสนุนนักแต่งเพลงด้วย ช่วยโปรโมททั้งเนื้อร้อง คอร์ด เผยแพร่แบ่งปันให้นักดนตรี หรือผู้นำนมัสการสามารถนำไปใช้ได้อย่างสะดวกสบาย

อย่างผมแปลเพลงนมัสการไปประมาณ 30กว่าเพลงแล้ว ดังนี้
  1. All Day
  2. All of my days 
  3. Better than life 
  4. Break Free
  5. Everyday 
  6. From the inside out
  7. God of this City
  8. Here to Eternity 
  9. Hosanna
  10. I Adore 
  11. It is You 
  12. JUMP AROUND
  13. King of Majesty 
  14. Lifted Me High Again 
  15. Made me Glad 
  16. Magnificent
  17. Mighty to Save
  18. Most Hight 
  19. My Best Friend 
  20. One Day 
  21. One Desire 
  22. One way 
  23. Reaching for You 
  24. Salvation is here
  25. Solution
  26. Take it all 
  27. Tell the World
  28. The heart of worship 
  29. The Time has come 
  30. To You 
  31. What the world will never take
  32. With All I am 
  33. With you 
  34. YOUR NAME HIGH

โดยส่วนใหญ่เป็นของHillsong และ United พยายามเผยแพร่มานานแล้วด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่แพร่หลายสักที ทำคนเดียวนี่ครับ เคยหวังจะพึ่งพิง Worship Network ที่นำโดย ศจ.อานุภาพ วิชิตนันท์ แห่งคริสตจักรเสรีภาพกรุงเทพ ตอนนี้ก็กลายเป็นดังเพลง"ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามปี......" ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

ผมพบว่าปัญหาต่างๆเกี่ยวกับเพลงนมัสการ ในประเทศไทยมีดังนี้นะครับ
1. มีเนื้อเพลงแปลหลายเวอร์ชั่น จากเนื้อเพลงต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยความที่คริสเตียนไทย ยังต้องรับฟังเพลงนมัสการต่างประเทศจากวงดนตรีนมัสการดังๆ แล้วนำของเขามาร้อง เช่น Hillsong(ทั้งวงใหญ่แล้วก็วงวัยรุ่นUnited), Michael W.Smith, New Song, Vinyard, Heaven ฯลฯ
2. เพลงคริสเตียนไทยแท้ๆที่แต่งโดยคนไทย มีน้อย อาจจะเพราะ คริสเตียนไทยมีน้อย คนแต่งเพลงขึ้นมาก็พยายามจะเผยแพร่ ทั้งขายบ้าง(ส่วนใหญ่ขายไม่ออก ทำมาก็ขาดทุนป่นปี้) แจกฟรีมั่ง(ขายไม่ออก พอมีตังค์ก็แจกฟรีดีกว่า) ซึ่งมีทั้งเพราะแล้วติดหู(มีส่วนน้อย) แล้วก็ไม่เพราะไม่ติดหู.......แต่ถึงแม้จะไพเราะเพราะเท่าใด แต่ถ้าประชาสัมพันธ์เผยแพร่ไม่ดี ก็มีโอกาสที่คนจะไม่รู้จักมากเลยครับ (จะได้ฟังก็แค่ในซีดีที่หาแสนยากเย็น หรือกว่าจะได้ยินตามโบสถ์ก็น้อยเหลือเกินเพราะผู้นำนมัสการก็ไม่รู้จักเพลงใหม่เหล่านั้นเหมือนกัน)

3. เพลงนมัสการต่างประเทศใหม่ๆเพราะๆ แต่ไม่มีคนแปลออกมา บางครั้งเพราะมากดังมากในต่างประเทศแต่คริสเตียนไทย ไม่รู้จักครับ??? เออ...ถ้าถามว่า คุณรู้จักเพลง The time has come ไหม คริสเตียนไทยจะงง เพลงไรหว่า อะไรคัมๆ..... ทั้งที่เป็นเพลงที่ดังมากของ United .... คริสเตียนไทย หรือแม้แต่ผู้นำนมัสการไทยบางคนเหมือน "กบในกะลา" จริงๆครับ อันนี้ไม่ได้ต่อว่า แต่มันเป็นคำเปรียบเทียบที่ทำให้เห็นภาพว่า บางทีเราเองต่างหากที่เป็นอุปสรรคปิดกั้นสิ่งใหม่ๆ น้ำองุ่นใหม่ๆ ที่เขามีกัน ไม่เปิดหูเปิดตา ค้นคว้า ขวนขวายในสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ มีหลายสิ่งที่เป็นประโยชน์มากต่องานพันธกิจคริสเตียนไทยของเรา ที่นอกไปเหนือเพลงนมัสการก็คือตัวอย่างเช่น IT อินเทอร์เน็ตนี่ไงครับ ที่คริสเตียนไทยใช้ประโยชน์จากตรงนี้น้อยมาก น้อยยังไง อยู่ในกะลาอย่างไร ไว้จะบ่นเอ้ย จะพูดให้ฟังคราวหน้าตามประสาคนที่รู้มาก แล้วพยายามทำ แต่ทำคนเดียวมันก็ไม่ไหวจริงๆครับ

4. เพลงนมัสการที่แปลออกมาแล้ว แต่แป๊ก..... อาจจะเพราะ
1) ฝีมือไม่ถึง(แต่มีใจรัก อยากทำ อันนี้อย่าไปต่อว่าเขาเลยครับ น่าจะหนุนใจให้พัฒนาแล้วทำให้ดีขึ้นครับ) เพราะงานแปลเพลงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ภาษาไทยมันจำกัดมาก ทั้งวรรณยุกต์ที่มีมากถึง 5เสียง ความหมายบางอย่างภาษาอังกฤษลึกซึ้งกว่าเป็นต้น
2) ฝีมือถึง แปลได้ดี แต่ไม่ยอมเผยแพร่ เอามาเล่นตอนออกงานข้างนอก เป็นการ"ปล่อยของ" หรือ "โชว์" ให้โบสถ์อื่นเห็นว่า วงเราทีมเรา"เจ๋ง" แปลเพลงใหม่ๆ เพราะๆมาเล่น โบสถ์อื่นไม่มีอะดี้ๆๆ (อันนี้ท่าทีไม่ถูกต้องเลยครับ มีของประทาน แต่ไม่แบ่งปันให้ผู้อื่น พระวิญญาณบริสุทธิ์คงเสียพระทัยกับคนแบบนี้)
3) ฝีมือถึง แปลได้ดี เผยแพร่แล้ว แต่โบสถ์อื่น คนอื่น ไม่ยอมรับครับ อาจจะอคติ ติในส่วนเล็กน้อยประเภท เห็นคนอื่นทำได้ดีกว่าตัว หรือทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำแต่ทำไม่ได้ ก็เลย"แอนตี้"มันซะเลย แทนที่บางส่วนที่เห็นว่าแปลไม่ดี ก็อาจจะเสนอแนะไปได้ครับ แต่ก็ต้องด้วยความเคารพผู้แปลด้วยนะครับ ผมว่าผู้แปลหลายๆท่านจะยินดีมากครับ ไม่ใช่ติว่าไม่ดีๆๆ แล้วตัวเองก็ไป กลับกลายเป็นการทำลายกำลังใจของผู้แปลเพลงนั้นๆ ตอนหลังเขาก็เลยไม่อยากแปลออกมาอีกครับ

แต่ยังไงไม่รู้ ผมเห็นใจคนที่ทำงานรับใช้ด้านนมัสการมากๆเลยนะครับ ที่พูดถึงมานี้ ไม่ได้คิดที่จะแขวะ หรือประชดประชันอะไรหรอกครับ แต่มันเป็นอาการ"หงุดหงิด"ที่งานรับใช้ด้านนี้น่าจะเป็นหัวหอกแห่งวงการคริสเตียนไทยที่จะนำคนเข้าสู่การฟื้นฟู การนมัสการอย่างลึกซึ้ง ผมเห็นความสำคัญของการนมัสการว่ามีพอๆหรือเท่าๆกับการเทศนาพระวจนะเลยครับ เพราะการนมัสการนำมาซึ่งความใกล้ชิด สนิทสนมกับพระเจ้า แตะพระเจ้า ฟังเสียงพระเจ้า กลับใจ สารภาพบาป รับการเจิม บัพติสมาในพระวิญญาณ ยอมจำนน เล้าโลมใจ เยียวยา รักษาโรค ฟื้นกำลังใหม่ ขับผี ฯลฯ

ถ้าที่ใดที่มีการนมัสการที่ดี ที่นั่นจะเหมือนรถที่วิ่งไปด้วยพลังมหาศาล นำจิตวิญญาณพุ่งชน ปะทะ ทะลุทะลวง ส่วนเทศนาพระวจนะที่ดี ทำให้รถนั้นพุ่งไปในทางที่ถูกต้อง มั่นคง ไม่หลงทาง ไม่ฉวัดเฉวียน แม่นยำ ตรงไป

ผมฝันอยากเห็นการนมัสการในประเทศไทยเป็นอย่างไร ติดตามตอนหน้าครับ

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เมื่อคริสเตียนอย่างผม ต้องไปงานศพของอาเจ็ก....

จาก พค.2009

เมื่อสัปดาห์ก่อน หม่าม้าผมโทรมาหาผมแล้วบอกว่า "นี่วันที่17ลื้อห้ามไปไหน ตอนเย็นมารับอั้วะกับอาม่าที่บ้าน พาไปงานศพอาเจ็กที่วัดบัวขวัญหน่อย....มาให้ตรงเวลานะ" เมื่อคำบัญชาประกาศิตดั่งฟ้าผ่าจากหม่าม้าที่เคารพรักของกระผม ด้วยความที่เป็นลูกชายคนโต ตั่วเฮียของบ้านที่ต้องทำหน้าที่"ชวนป๋วยปี่แป่กอ ลูกกตัญญู"จึงต้องน้อมรับอย่างขัดขืนมิได้ ไม่อย่างนั้น คงโดนหม่าม้าด่าจนหูชาเป็นแน่แท้

ผมเป็นลูกชายคนโตในครอบครัวคนจีนแต้จิ๋ว(ซึ่งเป็นจีนจากซัวเถาทางตอนใต้ของจีน ถือว่าเป็นจีนที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย) ผมเป็นคริสเตียนตั้งแต่อายุ 18ปี ตอนแรกโดนต่อต้านจากที่บ้านอย่างหนัก แต่ก็ผ่านมาได้โดยการยืนหยัดและสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า จนปัจจุบันเป็นที่รู้กันทั้งวงศ์ตระกูลว่าผมเป็นคริสเตียน จากการสืบประวัติของตระกูลจากอาม่า และตั่วแปะ ก็ทราบว่า ผมคงจะเป็นคริสเตียนคนแรกของแซ่ฮ้อแน่ๆ ดังนั้น ผมจึงถือเป็นดั่งคนที่จะนำพระพรมาสู่ครอบครัวและวงศ์ตระกูลของผม เป็นผลแรกของแซ่ฮ้อที่เป็นลูกพระเจ้า แต่การรักษาความเชื่อท่ามกลางวงศาคณาญาติที่ล้วนเป็นพุทธจีนแท้ๆเนี้ยะ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าใดนัก ไม่ว่าจะตามเทศกาลต่างๆของความเชื่อแบบจีนเช่น ตรุษจีน เช็งเม้ง ไหว้ครบรอบวันตายของอากง สาทรจีน ฯลฯ....ยังดีที่บ้านผมค่อนข้างเป็นจีนสมัยใหม่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะได้มีการไหว้พระจันทร์หรือไหว้รอยเท้าของนีล อาร์มสตรองนักบินอวกาศที่ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์เมื่อหลายสิบปีก่อน

และเหตุการณ์ที่ผมจะต้องเจอในคราวนี้ก็คือการไปงานศพ โดยพื้นฐานของความเชื่อแบบจีน ซึ่งผสมผสานระหว่างความเชื่อทางพุทธศาสนาและลัทธิเต๋า ซึ่งจะเน้นไปทางความกตัญญูต่อบรรพบุรุษทั้งที่มีชีวิตอยู่และตายไปแล้วที่ต้องตามไปกราบไหว้ ขอพร นำเครื่องเซ่นไหว้ และบรรดากระดาษกงเต็กเผาไปให้ผีบรรพบุรุษได้ใช้ คือโลกของคนตายและโลกของคนเป็นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันค่อนข้างมากสำหรับคนเชื้อสายจีน

เมื่อวันที่นัดหมายกับหม่าม้าผมมาถึง ผมก็สวมใส่ชุดดำซึ่งถือว่าเป็นสีที่สุภาพในการไปงานศพ แล้วก็ออกไปรับหม่าม้า กับอาม่าของผม แล้วก็ขับรถขึ้นทางด่วนด้วยความรวดเร็วไปถึงงานศพที่วัดบัวขวัญแถวถนนงามวงศ์วานประมาณ 18.30น. จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้ว่า ควรต้องทำอย่างไรเมื่อถึงงาน

1. ไปทักทาย สวัสดีเจ้าภาพ และญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน และใส่ซองสำหรับช่วยงานตามกำลังครับ
2. หาที่นั่งมุม แถวหลังเพื่อไม่ให้โดดเด่น เป็นที่สังเกตมากนัก เพราะเมื่อมีการสวดโดยพระภิกษุ ทุกคนจะพนมมือกันหมด ส่วนเราที่เป็นคริสเตียนจะไม่พนมมือครับ
3. ถ้าทางเจ้าภาพเชิญให้ไปเคารพศพ เราก็สามารถเดินเข้าไป แล้วโค้งคำนับศพได้ครับ ไม่ผิดอะไร เพราะถือเป็นการให้เกียรติแก่เจ้าภาพ และผู้ตาย ไม่ได้เป็นการกราบนมัสการ บูชาครับ (แต่ถ้าไม่มีใครเชิญก็อาจจะเข้าไปหรือไม่เข้าไปก็ได้ครับ แล้วแต่เรา)
4. ตลอดเวลาที่ร่วมอยู่ในพิธี เราควรจะสำรวมและให้เกียรติแก่งานนั้น ไม่ใช่หันหน้าคุยกัน หรือโทรศัพท์ขณะที่พระกำลังสวด เวลาที่คนอื่นพนมมือ เราควรจะประสานมือวางบนตักให้เรียบร้อยครับ
5. เวลาทานอาหารที่ทางเจ้าภาพจัดให้ เราก็รับประทานได้ครับ เพราะอาหารในงานศพไม่ได้ผ่านการไหว้มาครับ เขาปรุงกันตอนเย็นแล้วมาเสริฟเราเลย ทานได้ถ้าหิวครับ อย่าเกรงใจเพราะถ้าของเหลือ จะลำบากเจ้าภาพในการนำกลับ ถ้าไม่อิ่มก็เพิ่มได้ไม่น่าเกลียดครับ เพราะกว่างานจะเสร็จก็ประมาณ3ทุ่ม จะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกไปหาอะไรทานต่อ
6. เมื่อเสร็จงาน ก็ไปลาเจ้าภาพนะครับ ไปลา มาไหว้ แค่นี้ครับ

จาก พค.2009

พิธีศพของพุทธแต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกัน แล้วแต่วัดหรือทางมัคนายกจะจัดการให้ครับ ผมไปมาหลายที่ก็ไม่ค่อยซ้ำกันเท่าไหร่ อย่างไรเราก็ใช้สติปัญญาของเรา ให้เป็นคริสเตียนที่มีมารยาทเมื่อเข้าสังคมกับเหล่าคนที่ไม่เชื่อนะครับ อย่าให้ถูกเขาตำหนิได้

แต่งานศพที่ผมไปมาล่าสุดนี้ ผมค่อนข้างชอบเพราะ มีตอนที่พระท่านเทศนาด้วยครับ เนื้อหาดีมากเลย ผมก็ตั้งใจฟัง ท่านเทศน์ว่า "คนตายก็ตายไป แต่สำคัญคือคนที่อยู่ก็ต้องอยู่อย่างมีสติ ทำดี สะสมบุญให้มาก ละเลิกจากกิเลสตัณหา เพราะไม่รู้ว่าวันไหนคนที่อยู่ตรงนี้ก็ต้องมานอนในโลงเช่นเดียวกัน" ท่านเทศน์อยู่ประมาณ20นาที ใช้ได้เลยครับ ก็คล้ายๆกับงานศพคริสเตียนที่เราจะมีการเทศนาเพื่อเตือนสติคนที่ยังมีชีวิตอยู่ให้รีบรับใช้พระเจ้า หรือคนที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าก็ให้มาหาพระเยซูซะ ผมว่ามีการเทศน์อย่างนี้ดีกว่ามาสวดๆๆภาษาบาลีอะไรก็ฟังไม่รู้เรื่อง คนตายก็ไม่รู้เรื่อง คนเป็นยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ไม่รู้ว่าคนสวดรู้เรื่องด้วยหรือเปล่าเพราะท่องๆกันมา

สำคัญคือเมื่อเรามีโอกาสในงานศพ ไม่ว่าจะความเชื่อใดก็ตาม ล้วนมีเหตุคือ 1. เพื่อคนที่มีชีวิตอยู่คือการเตือนสติในการใช้ชีวิต 2. เพื่อระลึกถึงความดีงามของผู้ที่จากไป ซึ่งเราควรฉวยโอกาสตรงนี้ไตร่ตรองตัวเอง และเป็นพยานต่อคนรอบข้างให้รู้จักทางไปสวรรค์ที่มีทางเดียวก็คือทางกางเขนของพระเยซูคริสต์ แม้ว่าเราจะได้ไปแล้ว ก็อย่าลืมว่ามีอีกหลายคนที่ยังหลงทางอยู่นะครับ

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Blog คืออะไร แล้ว....มันคืออะไร???





มีน้องที่ไม่ได้รู้จักคนนึงถามมาหลังไมค์ว่า "พี่ครับ ผมอยากติดต่อให้พี่เขียนบทความเกี่ยวกับ Blog ว่ามันคืออะไร แล้วมีข้อดีหรือไม่ดีอย่างไร มีอันตรายต่อวัยรุ่นไหม ..... ผมจะเอาไปลงในนิตยสารคริสเตียนที่ชื่อว่า Bridge ครับ".....

โอ้ ... เราจะดังขนาดได้ลงหนังสือแล้วหรือเนี้ยะ หรือว่า น้องคนนี้มันหลงผิด เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ฮ่าๆๆ แต่ในใจหนึ่ง เอ รู้จักก็ไม่รู้จัก ทำไมอยู่ดีๆก็จะมาขอให้เราเขียนบทความ หรือว่ามันจะหลอกเราหรือเปล่า?? คิดไปต่างๆนานา แต่ท้ายสุดก็เอาวะ เขียนไปก็ไม่เสียหาย ถ้ามันจะหลอกเราก็แค่เสียเวลานิดหน่อย แต่ได้บทความที่มีประโยชน์อย่างน้อยต่อพี่น้องที่ติดตาม "คริสเตียน นมัสการ ไซเบอร์" ว่าแล้วก็เริ่มเขียน....(หลังจากที่โดนโทรมาทวงต้นฉบับเมื่อสักครู่ ฮ่าๆ ลืมไปหวะ ขอโทษที)

คืองี้ครับ อินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบันเนี้ยะ มันกำลังเข้าสู่ยุคที่ 2 หรือที่เรียกว่า Web2.0 หมายถึงข้อมูลต่างๆในเว็บ หรือโลกของอินเทอร์เน็ต เกิดจากการกลุ่มผู้ใช้งาน(USER) อย่างเราๆท่านๆนี่แหละครับ แทนที่จะเกิดจากสมัยก่อน ต้องมีคนทำเว็บ แล้วก็เขียนเนื้อหาขึ้นมา Userก็เข้ามาSearchหาข้อมูล เป็นการสื่อสารหรือรับข้อมูลทางเดียวเท่านั้น 
แต่ปัจจุบัน มันได้แปรเปลี่ยนไปเป็น ผมหรือคุณที่ใช้งานนี่แหละ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมทำให้เกิดข้อมูลในเว็บขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น บางบทความอาจจะพูดถึงหรือเปิดประเด็นอะไรนิดนึง แล้วผมหรือคุณเข้าไปแล้วก็เขียน Commentหรือแสดงความคิดเห็น หรือให้ความเห็นเพิ่มเติมข้อมูล คนอื่นๆที่เข้ามาอ่าน นอกจากจะได้อ่านหัวข้อที่เปิดประเด็นแล้ว ก็ยังได้ข้อมูลจากผู้ใช้คนอื่นๆด้วย บางทีการอ่านคนที่เขียนCommentเข้ามายังจะสนุก บางทีก็ฮาน่าสนใจมากกว่าเนื้อหาต้นเรื่องซะด้วยซ้ำ 

ไอ้เจ้าWeb2.0 เนี้ยะ ก็มีหลากหลายอย่างครับ Blog ก็รวมอยู่ในอินเทอร์เน็ตGenerationใหม่นี้ด้วย

ลองดูClip อธิบายBlogส้ันๆสนุกๆสิครับ

Blog มาจากคำว่า Web Log มันคือพื้นที่ส่วนตัวที่เราสามารถจดบันทึก ความรู้ ความคิดเห็น คล้ายกับไดอารี่ในสไตล์ของเราเองนั่นแหละครับ แล้วคนที่เข้ามาอ่าน ก็สามารถแสดงความคิดเห็น มีปฏิสัมพันธ์กับเราผู้เป็นเจ้าของ หรือกับคนอื่นที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันได้

ส่วนใหญ่เนื้อหาของ Blog มีหลากหลายออกไปแล้วแต่เจ้าของBlog จะให้เป็นครับ บางคนก็อาจจะเล่าเรื่องตัวเอง ชีวิตของตัวเองคล้ายๆไดอารี่, บางคนก็อาจจะชอบเกี่ยวกับการทำอาหาร ก็จะมาให้ข้อมูลความรู้ในการทำอาหารของตัวเอง การลองถูกลองผิดสูตรต่างๆ และอย่างของผมนี้ ผมก็จะเขียนประเด็น 3อย่างคือ เรื่องของไลฟ์สไตล์คริสเตียน, เพลงนมัสการ(เพลงคริสเตียน) แล้วก็เรื่องของโลกอินเทอร์เน็ตที่คริสเตียนสามารถนำมาใช้กันได้ เป็นมุมมองความคิดเห็นของคริสเตียนในเมืองใหญ่คนหนึ่งครับ (การเป็นคริสเตียนในเมืองใหญ่จะมีแง่มุมหลายอย่าง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของศาสนศาสตร์พันธกิจในเมืองใหญ่ ถ้าอยากรู้ต้องลงเรียน 3หน่วยกิจในสถาบันพระคริสตธรรม)

มีเว็บไซต์ที่ให้บริการพื้นที่การเขียน Blog มากมายหลายที่ครับ อย่างเช่นที่ผมใช้อยู่ก็คือ www.blogger.com หรือตอนนี้ที่กำลังมาแรงก็คือพวกเว็บที่เรียกว่า Social Network อันได้แก่ Hi5, Facebook, Myspace และMultiply นั่นเอง ซึ่งพวกบรรดาเว็บสังคมส่วนใหญ่ผู้ทำจะแสดงตัวตนผ่านทางเว็บเหล่านี้ เช่นการใส่รูปภาพต่างๆของตนเอง แล้วมีการอัพเดทอยู่เสมอๆ ส่งข้อความทักทายกัน หรือเข้าไปคอมเมนท์รูปถ่ายต่างๆ

ข้อดีของBlog และ Social Network เหล่านี้ก็คือข้อมูลต่างๆที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตมีมากขึ้น การเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นเราอาจจะหาข้อมูลร้านอาหารอร่อยๆสักร้านแถวสุขุมวิท แค่เราพิมพ์ในGoogle ว่า "ร้านอาหาร อร่อย สุขุมวิท" ข้อมูลที่ขึ้นมาจะไม่ใช่บรรดาเว็บไซต์ของร้านอาหารนั้นๆที่มีไว้เพื่อโฆษณา แต่อาจจะเจอข้อมูลจากBlogของใครสักคนที่ไปทานร้านอาหารแถวสุขุมวิทน้ันๆแล้วมาวิจารณ์ แถมมีคนอื่นๆเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น เราก็จะได้ข้อมูลแท้จริงจากกลุ่มคนทานจริงๆที่ไม่ใช่การโฆษณาของบรรดาร้านอาหารเหล่านนั้น ข้อมูลจึงน่าเชื่อถือมากกว่า

ส่วนข้อเสีย ที่ผมเห็นมีอย่างเดียวคือ ความเป็นส่วนตัวของเราๆท่านๆจะน้อยลง เพราะการเข้าถึงข้อมูลของพวกเราที่มีตัวตนในอินเทอร์เน็ตนั้นง่ายมากๆ แค่ผมSearch ชื่อใครพร้อมนามสกุลในgoogle ผมอาจจะพบBlogของเขา แล้วก็เข้าไปคุยทักทายได้เลย ซึ่งผมก็พบว่าถ้าจะมีใครสักคนตามหาผม คงจะไม่ยากที่จะหาที่อยู่บ้านของผม รวมถึงเบอร์โทรของผมครับ

แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีมันก็ต้องมีการพัฒนาต่อไป และต่อไปก็จะเข้าสู่Web3.0ครับ เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ ยิ่งถ้าเราใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ไม่ได้อยู่ตามเขา ตามดอย หรือชนบทน้ำไฟไม่ถึง เราจำเป็นที่จะต้องเผชิญกับมันและเรียนรู้มันแล้วนำมันมาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลในชีวิตของเรา และงานรับใช้พระเจ้าของเราให้มากที่สุดครับ อย่าลืมว่ามารซาตานมันก็พยายามใช้เทคโนโลยีพวกนี้ชักจูงให้คนทำบาปได้ง่ายดาย เช่นการเข้าถึงภาพลามกเป็นสิ่งที่ง่ายมากในโลกของอินเทอร์เน็ตแถมฟรีอีกต่างหาก จนทำให้หนังสือลามกแทบจะสูญหายไปเลยเป็นต้น

ขอพระเจ้าให้สติปัญญาแก่พวกคุณคริสเตียนที่จะนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในงานของพระเจ้าให้มากที่สุดครับ

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

iGoogle ใครที่ชอบท่องเว็บ ชีวิตติดกับอินเทอร์เน็ต ขอบอกๆ ห้่ามพลาดครับ

ผมมีสิ่งดีๆที่จะมาแนะนำให้คนที่ชอบการเล่นอินเทอร์เน็ตเป็นชีวิตจิตใจ มันเป็นเว็บส่วนตัว(ที่คนอื่นเข้าดูไม่ได้นอกจากเรา)ที่จะอำนวยความสะดวก และความสนุกในการท่องเว็บ จนคุณจะติดหนึบเลยครับ

ชื่อของเจ้านี่คือ "iGoogle" ลองดุคลิป 50วินาทีนี้ก่อนครับ แล้วเดี๋ยวจะเล่าต่อ



ผมว่าในปัจจุบัน ทุกคนที่มีคอมพิวเตอร์ล้วนจะต้องเข้าไปใช้ Internet อย่างแน่นอน ดังนั้น คอมพิวเตอร์กับอินเทอร์เน็ตจะเป็นของคู่กันจนแยกขาดจากกันไม่ออก

แต่ก่อน การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์จะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตเลย เช่นพวกโปรแกรมทำงานประจำของเราที่ชื่อ Microsoft Office จำพวก Word, Excel, Powerpoint เวลาจะทำงานที ก็ต้องมีเจ้าโปรแกรมพวกนี้ลงในแต่ละเครื่อง แต่ในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว เพราะเจ้าโปรแกรมต่างๆจำพวกนี้ ล้วนไปอยู่ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งหมายถึง แม้ว่าเครื่องของคุณ หรือที่ไหนก็ตาม แม้ไม่มีเจ้าโปรแกรมนี้อยู่ คุณก็ยังสามารถใช้งานได้ตราบใดที่คุณมีอินเทอร์เน็ต นั่นหมายถึงเมื่อคุณ Online แล้วเปิด Web Browser ก็สามารถใช้โปรแกรมต่างๆ ผ่าน Internet Explorer , FireFox หรือ Google Chrome ได้เลย

ซึ่งมาวันนี้ ผมจะมาแนะนำเจ้า Application ต่างๆผ่านทางอินเทอร์เน็ตเหล่านี้ ที่มีชื่อว่า iGoogle  

อย่างที่เราทราบๆกันอยู่ว่า Google เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แทบจะอันดับหนึ่งของโลกที่ก้าวขึ้นมาจากการเป็นผู้ให้บริการ Search Engine หรือโปรแกรมค้นหาอินเทอร์เน็ต แต่ตอนนี้Google ได้ก้าวไปไกลกว่านั้นคือ การเอาศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่มาต่อยอดโปรแกรมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆในInternet ซึ่งทำให้ทุกคนที่เข้ามาในInternet ต้องมีความเกี่ยวข้องกับ Google ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง (คล้ายๆกับ Microsoft ทำกับพวกเราผู้ใช้คอมพิวเตอร์สิบกว่าปีที่ผ่านมานั้นเอง)

เจ้า iGoogle เปรียบเสมือนบ้านของเราในโลกของอินเทอร์เน็ต ที่แต่ละคนจะมีเป็นส่วนตัว แล้วสามารถปรับเปลี่ยนความต้องการการใช้งานตามแต่ละคนต้องการได้อย่างง่ายดาย(แต่ละคนต้องการไม่เหมือนกัน) ก็แค่เราลงทะเบียนกับทาง Google เมื่อเรามี Username และ Password ของตัวท่านเองแล้ว ผมก็ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของ Google ครับ

ซึ่งเจ้าGoogle มันมีหลากหลายโปรแกรมมากมายๆ ที่คุณไม่ต้องลงเจ้าโปรแกรมนี้ในเครื่องของคุณเลย เพียงแค่คุณมี Internet กับ Web Browser เท่านั้น(ซึ่งผมแนะนำให้ใช้ Browser ของGoogle ที่ชื่อว่า Google Chrome) โปรแกรมที่น่าสนใจผมจะยกตัวอย่างให้ฟังมีดังนี้


1. โปรแกรมเอกสาร หรือที่เรียกว่า Docs Google มันเป็นโปรแกรมที่ทำให้คุณใช้งาน Word, Excel และ Powerpoint ผ่านทางเน็ต โดยที่เครื่องของคุณไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรม Microsoft Officeเลยครับ แล้วไฟล์ที่คุณทำงานเสร็จก็ Save ฝากไว้ในอินเทอร์เน็ตนั้นแหละ ซึ่งประโยชน์ที่มันทำได้ก็คือ คุณสามารถร่วมงานกับเพื่อนของคุณซึ่งอยุ่กันคนละที่ ทำงานผ่านเจ้า Docs Google แก้ไขงานร่วมกันจากคนละที่ได้ครับ หรือShare ไฟล์ร่วมกัน เพราะงานที่ว่ามันถูกบันทึกบนเน็ตครับ สุดยอดไหมหละ!! ผมกับทีมงานรับใช้พระเจ้าที่โบสถ์สยามสแควร์ ก็ทำงานผ่านเจ้าGoogle Docs นี่หละครับ เวลามีเอกสารการประชุมไม่ต้องPrint มาให้เปลืองกระดาษ เวลาประชุมไปก็ให้เลขาฯพิมพ์ใส่ในเน็ตเลย แล้วเมื่อเสร็จก็Save แล้วก็ Share ให้กับผุ้ร่วมประชุมทุกคนเข้าไปอ่าน + แก้ไข รายงานการประชุมได้ด้วยตัวเองที่หลังครับ (เป็นไฟล์เดียวกัน)


2. โปรแกรมปฏิทิน หรือ Google Calendar ซึ่งเมื่อคุณหรือองค์กร หรือเพื่อนต้องทำงานร่วมกัน การกำหนดปฏิทินนัดหมายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เจ้า Calendar ของGoogle ก็มีคุณสมบัติ ให้คุณกับเพื่อนร่วม Share ปฏิทินการทำงานกันได้ เช่น วันอาทิตย์นี้ใครมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง ก็ไม่ต้องมาแจกตารางกันซึ่งก็มักจะทำหายกันบ่อยๆ เพียงแค่ให้เลขาฯทำปฏิทินแล้วก็ส่งShare ปฏิทินตารางการทำงาน วันหยุด นัดหมาย ฯลฯ ให้กับทุกคน ปฏิทินที่ว่าก็จะขึ้นให้กับทุกคนครับ แล้วพอถึงนัดหมาย มันก็จะมีการเตือนขึ้นมา ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณก็สามารถทำปฏิทินส่วนตัวอีกเป็น 10อัน แล้วอาจจะไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลแก่คนอื่น แต่คนอื่นจะทราบเพียงแค่ว่า ในวันนั้นเวลานั้นคุณ "ไม่ว่าง"ก็ได้ครับ อย่างผมจะมีปฏิทินอยู่ 3 อัน คือ ปฏิทินงานรับใช้ที่คริสตจักร, ปฏิทินงานรับใช้อื่นๆ(พันธกิจ) และปฏิทินส่วนตัวของครอบครัว(ซึ่งผมจะแชร์กับภรรยา) จะทำให้การทำงานคุณง่ายขึ้นมากครับ แล้วพอมีอะไรจะเปลี่ยนแปลงคุณก็สามารถเข้าไปแก้ปฏิทินได้อย่างทันท่วงที ซึ่งเมื่อแก้ไขแล้ว เพื่อนๆที่แชร์ปฏิทินกับคุณก็จะทราบเลยว่ามีการแก้ไขแล้วเพราะมันจะส่งอีเมล์ไปเตือนทุกคนครับ

3. Google Gmail เพื่อนๆหลายๆคนคงมีอีเมล์ส่วนตัวของตัวเองอยู่แล้ว เช่น Hotmail หรือ Yahoo แต่สำหรับ Google Gmail จะสะดวกตรงที่มันจะพ่วงการทำงานกับโปรแกรมอื่นๆของGoogle ซึ่งเวลามีนัดหมาย หรือเตือนอะไรต่างๆ ก็จะส่งผ่านมาทางเจ้าอีเมล์ตัวนี้ และทีเด็ดที่ทำให้ผมแทบจะเลิกใช้อีเมล์ตัวอื่นเลยก็คือ "การกรองอีเมล์ขยะ" ที่อยู่ในระดับสุดยอดมากครับ แทบจะไม่มีอีเมล์ขยะมากวนใจในBoxของเราเลย หรือถ้าหลงมา ก็มาได้แค่ทีเดียว เมื่อเราระบุว่านี่คืออีเมล์ขยะมันก็จะไม่มากวนใจอีกในครั้งต่อๆไป แล้วเวลาการลบอีเมล์ขยะ ก็ง่ายครับเพียงแค่กดคำว่า "ลบอีเมล์ขยะ" เจ้าGmailก็จะล้างเกลี้ยงใน คลิ๊กเดียว ง่ายกว่า Hotmailที่ผมใช้อยู่มากมายเลยครับ

4. แชร์ภาพถ่าย Picasaweb ซึ่งเดี๋ยวนี้หลายๆคนพอถ่ายรูปมาแล้ว ก็อยากจะแชร์ภาพถ่ายของตัวเองให้เพื่อนดู หลายคนก็แชร์ผ่านทาง Hi5 ซึ่งเป็นเว็บส่วนตัว ผมก็มีHi5 แต่ยอมรับว่า การอัพโหลดและแชร์ภาพถ่ายในHi5 นั้น "ห่วยมาก" อัพโหลดช้า การแสดงรูปก็ช้า บางทีก็error แต่เมื่อผมมาใช้ผ่านทาง Picasa แล้วทุกอย่างรวดเร็วสุดยอดครับ แต่ตัวนี้จะต้องโหลดโปรแกรม Picasa มาลงไว้ที่เครื่องของเรานิดหน่อย หลังจากนั้นก็แทบจะ Auto ในการอัพโหลดรูปเข้าไปยังพื้่นที่ใน Google ครับ ซึ่งเพื่อนเราจะเข้ามาดูได้ง่ายมาก แชร์ผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็วครับ

5. แปลภาษา เดี๋ยวนี้การแปลภาษา หรืออ่านเว็บภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน ฯลฯ ไม่ใช้เรื่องยาก เจ้าGoogle ได้เตรียมให้เป็นเรื่องง่ายๆเลยหละ เพียงแค่ copy Url ของเว็บไซต์นั้นมาวางไว้ มันก็จะแปลทั้งหน้าให้เลยครับ แม้จะแปล Sub นรก หรือแปลแย่ไปหน่อยแต่ก็ยังพออ่านจับใจความได้อะครับ (หวังว่าอนาคตจะพัฒนาดีกว่านี้)

แล้วก็มีอีกอื่นๆอีกครับ แต่ผมอยากชวนพวกเรามาใช้เจ้า iGoogle ในการทำงานและเล่นอินเทอร์เน็ตครับ เพราะอนาคต มันจะมีอะไรออกมาอีกเยอะเลย แล้วอย่าลืมว่า Google มันฟรีนะครับ แถมทุกอย่างเป็นภาษาไทยหมด อิอิ ซึ่งง่ายกับคนไทยอย่างเราครับ

สุดท้ายอยากหนุนใจให้เราคริสเตียนรวมไปถึงผู้รับใช้พระเจ้าที่จะร่วมกันนำเจ้าเครื่องมือที่พิเศษต่างๆเหล่านี้ในอินเทอร์เน็ต ในคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานของท่าน ซึ่งยิ่งท่านรับใช้พระเจ้าใน "เมืองใหญ่" ยิ่งจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ เพื่อบริหารเวลาอันมีค่าในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ดีกว่าใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียวครับ

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ฉลองชัย แมนยูฯคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่11

ไม่มีอะไรครับ มาฉลองชัยแมนยูฯ ได้แชมป์ปีนี้ 3สมัยซ้อนแล้วครับ





เลยเอาClip ฉลองชัยมาฝากให้ดู เพราะว่า Trueไม่ได้ถ่ายทอดสดตอนรับถ้วย

มีความสุขครับเชียร์มา 20ปีแล้ว ขอบคุณพระเจ้า

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Your Name High เพลงนี้โดน โว้วววววววววโอ...United ชุดใหม่


เมื่อคุณได้ยินเสียงฝูงชนร้อง "โว้ววววววววววโอ โว้ววววววววโอ" ดังกังวาลหลายรอบโดยไม่ได้นัดหมาย แต่คุณไม่ต้องแปลกใจไป เมื่อคุณอยู่ในสถานนมัสการ เพราะนั่นเป็นสัญญาณที่ส่งให้รู้ว่า เพลงต่อไปนี้คือ "Your Name High" ของ United


คลิปคณะทำงานของ United ก่อนเล่นคอนเสริตครับ น่ารักมาก

ผมได้ยินเพลงนี้แล้วโดนครับ สำหรับอัลบั้มใหม่ 2009 a_CROSS//the_EARTH ซึ่งยอมรับเลยว่า ต้องฟังอยู่หลายรอบมาก กับเพลงทั้ง 12เพลงใหม่ที่ผมต้องดูดมาจาก Youtube แบบสดๆร้อนๆ(ซึ่งต้องขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องคริสเตียนต่างประเทศที่เอามาลงในYoutubeให้พวกเราฟังกันก่อน) วันก่อนผมตื่นเต้นที่เมื่อเข้าเว็บไซต์หลักของ United แล้วเจออัลบั้มใหม่นี้ปล่อยออกมา ผมจึงรีบเข้าไปSearch ในYoutube ทันที ก็พบว่า United เขาตัดเพลงนี้ออกมาเป็น Single 8เดือนแล้ว ว้ากกกกกกก ไรเนี้ยะ แฟนพันธุ๋แท้อย่างผมตกข่าวไปได้ยังไงเนียะ!!!!

เขาทำ Music Vedio Live Concert เราจึงได้เห็นผมทรงใหม่ของท่าน Joel Houston แหล่มมากครับ ดูเหมือนนักร้องนักกีต้าร์แนวBlue อย่าง Eric Clapton อย่างไงอย่างงั้น

เพลงนี้มีเนื้ออย่างนี้ครับ
YOUR NAME HIGH
INTRO: F#m A D A E/G#
Oh... Oh... Oh..... Oh Oh Oh Oh
F#m A

Your innocence for saken
ความบริสุทธิ์ ของพระองค์
F#m
Upon that cross
ถูกตรึงกางเขน
A D
You gave Yourself for us
และวายพระชนม์เพื่อเรา
F#m E
Carried into Your freedom
ทำให้พวกเรามีเสรี
F#m A
Our broken past replaced in
ความผิดพลาดพลั้ง ผ่านพ้นไป
F#m
A second chance
โอกาสอีกครั้ง
A D
The chains have come undone
ผู้หักทำลาย โซ่ตรวน
F#m E D
Death defied in the Father's love
ด้วยความรัก ขององค์พระบิดา

CHORUS:
A E
We are living to make Your Name high, Jesus
พวกเรา อยู่เพื่อพระนามของพระองค์ พระเยซู
F#m E
Living to make Your Name high, Jesus
(เรา)อยู่เพื่อพระนามของพระองค์ พระเยซู
D F#m E
You gave what the world couldn't offer us
ทรง ให้สิ่งที่โลก ไม่เคยให้เรา
D
Say what they want Say what they want
ร้องบอกด้วยกัน ร้องบอกด้วยกัน
F#m A D A E/G#
We are free
เราเป็นไท
VERSE 2:
F#m A
The atmosphere is changing
และยุคสมัย จะเปลี่ยนไป
F#m
Oh can You hear
เธอได้ยินไหม
A D
The people rising up
เสียงผู้คน ลุกขึ้น
F#m E
In the hope of Your freedom
ในความหวัง ของเสรีภาพ
F#m A
Our former ways are breaking
วิถีเดิมๆ ลบล้างไป
F#m
We seek Your face
พวกเรามองหา
A D
God let Your kingdom come
แผ่นดินขององค์พระเจ้า
F#m E D
In our praises be lifted up
เพื่อนมัสการ ใกล้ชิดพระองค์

BRIDGE:
D E
With eyes on high we praise You
ด้วยหมดดวงใจ นมัสการ
F#m E
And with one voice we come together
และด้วยสุดเสียง ของเราทุกๆคน
D E
Our one desire to praise You
มีเพียงสิ่งเดียว ที่ต้องการ
F#m E
And lift You up in our surrender
นมัสการ ด้วยใจยอมจำนน


ผมฟังซ้ำๆหลายรอบขณะนั่งทำงานที่Office จนเรียกว่าแทบจะเกรงใจสต๊าฟที่นั่งทำงานด้วยกัน จึงเอาหูฟังมาเสียบฟังคนเดียวดีกว่าครับ เวลาที่ผมจะเตรียมเพลงสำหรับใช้ในการนมัสการหรือการเล่นคอนเสริตที่ใดที่หนึ่ง ผมจะต้องทราบข้อมูลก่อนว่า มีเวลาให้เราเล่นเท่าไหร่ กลุ่มที่มาร่วมนมัสการเป็นกลุ่มอะไร อายุเท่าไหร่ เพื่อที่จะอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ผมเห็นภาพว่าเพลงไหน แนวไหน จะเหมาะสมกับการนมัสการนั้นๆ ตรงกับรสนิยมของผู้ร่วมนมัสการ อันจะส่งผลให้เกิดการตอบสนองที่ดีขึ้นโดยแทบไม่ต้องเร่งเร้าอะไรมากมายเลย(บางคนเตรียมไปไม่ดี กลุ่มที่ประชุมไม่ตอบสนอง เร่งเร้าไปเข็นไม่ขึ้นครับ)
สำหรับเพลงนี้ผมนึกถึงเวลานมัสการใช้เป็นเพลงขึ้นต้นก็ดี หรือจะเป็นเพลงที่ใช้ต่อจากเพลงช้าเพื่อที่จะเริ่มต้นกลุ่มเพลงเร็วอีกครั้งได้ เพราะเสียงร้อง "โว้วววววววววโอ" มันปลุกให้คึกคักดีจริงๆเลยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมยังเห็นว่า ผู้ฟังเพลงนมัสการในประเทศไทยที่รู้จักเพลงของ Hillsong United มีน้อยมากครับ นี่คือปัญหาจริงๆ เพลงหลายเพลงที่เป็นเพลงดีๆ เพราะ และได้รับการเจิมในการนมัสการทั่วโลก กลับมา "แป๊ก" ที่ประเทศไทย............ ผมยอมรับว่าหลายครั้งพยายามเผยแพร่เพลงที่แปลออกมาแล้วให้ไปท่ามกลางทีมนมัสการต่างๆ แต่กลับไม่แพร่หลาย อาจจะสาเหตุหลายประการคือ
1. การติดต่อสื่อสารไม่ดี แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะปัจจุบันสื่อข้อมูลสามารถไปได้รวดเร็วทั้งภาพ เสียง ไฟล์เอกสาร โดยผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต
2. อคติของบางคน ที่ฟังเพลงแปลแล้วบอกว่า ต้นฉบับดีอยู่แล้ว แต่แปลไม่ได้เรื่องไม่อยากร้อง แต่ผมก็หนุนใจว่า ถ้าคิดว่าแปลดีกว่า หรือว่าตรงไหนที่คิดว่าไม่เพราะก็แปลเสริม แปลเพิ่มเข้าไปได้ครับ อย่างน้อย ผมคิดว่าถ้าขออนุญาตคนแปลหรือคอมเม้นท์ไป เขาไม่ว่าหรอกครับ โดยเฉพาะผมจะเป็นพระคุณอย่างมาก อย่าติอย่างเดียวครับ หรือถ้าคิดว่าแปลได้ดีกว่าก็หนุนใจว่าแปลกันเลยครับ แปลออกมาเยอะๆ เพื่อที่คริสเตียนไทยจะมีเพลงนมัสการที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่ร้องเพลงที่เขาแต่งออกมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว แล้วก็ชอบไปว่าคริสเตียนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราว่า ทำไมชอบร้องแต่เพลงนมัสการเก่าๆ พวกบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า ปกสีแดง(เพลง Hyme) ก็ขนาดรุ่นคุณยังไม่พัฒนาไปไหนเลย คุณนึกถึงเพลงอะไรบ้างครับที่ทุกวันนี้ร้องกันอยู่ เมตตาหลั่งมา, นี่เป็นเวลานมัสการ, ชีวิตเราอยู่ในพระองค์ -_-" จริงไหมครับ
3. ผมรอกลุ่ม Worship Network อยู่ครับว่าเมื่อไหร่จะเกิด หรือว่าเกิดแล้วแต่ยังเดินไม่ได้ หรือว่าเกิดแต่ตายไปแล้ว รอวันบังเกิดใหม่อีกรอบครับ??.....(กลุ่ม Worship Network มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมเพลงนมัสการใหม่ๆให้เป็นหนึ่งเดียว เวอร์ชั่นเดียว จะได้ร้องกันทั่วประเทศเนื้อเดียวกัน โอเคเลยผมสนับสนุนสุดใจขาดดิ้น)
ผมว่าเดี๋ยวประเด็นเพลงนมัสการใหม่ๆแต่คนไทยไม่รับ หรือรับไม่ได้ หรือรับแล้วแต่ทำไม"แป๊ก"เนี้ยะ ผมจะเขึยนถึงคราวหน้าดีกว่าครับ ไปๆมาๆ ตอนแรกว่าจะเขียนถึงเพลงใหม่ของ United แต่กลับมาวนถึงเรื่องนี้ตอนท้ายได้ไงไม่รู้ หะหะ
ขอให้ฟังเพลงนมัสการใหม่ๆอย่างสดชื่น กับอาหารสดใหม่ฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้ผ่านทาง Hillsong United นะครับ
ปล. ผมแปลเสร็จแล้วครับ ลองเอาไปร้องกัน ผมกำลังจะอัดอัลบั้มเพลงแปลพวกนี้เร็วๆนี้ครับ

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Hillsong United ปล่อยอัลบั้มใหม่ปี 2009 ออกมาแล้วครับ เย้!





หลังจากการรอคอยมาตั้งแต่ต้นปีของเหล่าบรรดาแฟนๆ Hillsong United ที่มีข่าวว่า Hillsong United จะออกอัลบั้มใหม่ซึ่งมีเพลงใหม่ๆล้วนๆ 

เหตุผลของการรอคอยนั้น เพราะว่าอัลบั้มล่าสุดที่เป็นเพลงใหม่คือ All of Above ที่ออกมาในปี 2007 ส่วนปีที่แล้ว 2008 แม้จะมีอัลบั้มที่ชื่อ "The I Heart Revolution: With Hearts As One (Music DVD)" และตามมาด้วยภาคสองในเดือนมีนาคม 2009ที่ชื่อ "The I Heart Revolution: We're All In This Together" แต่นั่นคืออัลบั้มที่รวมเพลงในการแสดงคอนเสริต Live ตามประเทศต่างๆที่ Hillsong United ได้ไปแสดงซึ่งล้วนเป็นเพลงจากอัลบั้มก่อนๆทั้งสิ้น

ก็เปรียบเสมือนว่าเหล่าแฟนของ United ต้องรอมาเกือบ 2ปีสำหรับเพลงใหม่ ผมพยายามติดตามข่าวสารในอัลบั้มใหม่นี้โดยการเข้าไปในเว็บไซต์ของ United เสมอๆ แต่ก็จะพบคำที่ให้ความหวังมาตลอดว่า Available in May จนในที่สุดวันนี้ผมก็ได้ฟังเพลงใหม่ทั้งหมด 12เพลง ซึ่งจะมาบอกว่าแต่ละเพลงเป็นอย่างไรบ้างครับ แฟนๆตามมาฟังกันเลย

ชื่ออัลบั้มปี2009นี้ตั้งชื่อว่า " a_CROSS//the_EARTH : TEAR DOWN THE WALLS" ที่แปลว่า "กางเขน//โลก : ฉีกทลายกำแพง" แต่สำหรับมุมมองของผมเห็นว่าเขาต้องการเล่นคำ คำว่า "a cross" ถ้าเขียนติดกันจะเป็น "across" ที่แปลว่า "ข้าม" ซึ่งเอามารวมกับคำว่า"โลก" ก็จะแปลว่า "ข้ามโลก(ไป)ฉีกทลายกำแพง" เพราะในระหว่างปี-2ปีที่ผ่านมา United ได้ตระเวณไปทั่วโลกเพื่อเปิดคอนเสริตแล้วฉีกทลายกำแพงวัฒนธรรม+ศาสนาจริงๆครับ 

เพลงแรกชื่อว่า "Freedom is here"



เพลงที่สองชื่อ "No Reason to Hide"



เพลงที่3ชื่อ "More Than Anything"




เพลงที่4ชื่อ "King of all Day"




เพลงที่5ชื่อ Desert Song





เพลงที่6ชื่อ "OH YOU BRING"




เพลงที่7ชื่อ "TEAR DOWN THE WALLS"






เพลงที่8ชื่อ "SOON"





เพลงที่9ชื่อ "You Hold me now"





เพลงที่10ชื่อ "Arms Open Wide"




เพลงที่11ชื่อ "Your Name High"





เพลงที่12ชื่อ "Yours forever"




ลองมาฟังกันดูแล้ว แล้วคราวหน้าผมจะมาวิจารณ์ทีละเพลงครับ

ขอให้ได้รับพระพรกับเพลงนมัสการในอัลบั้มใหม่นี้กันทุกคน