รายการอเมริกันไอดอล ยังนำมาร้อง แสดงว่าดังจริงๆ เป็นเพลงของทาง Hillsong Australia ครับ
ผมรู้สึกดีใจนะครับ ที่ได้พบว่า พี่น้องคริสเตียนหลายคนให้ความสนใจกับการทำศูนย์กลาง หรือองค์กรนึงขึ้นมาเอาแบบเล็กๆแต่ทำงานเป็นมืออาชีพ เกี่ยวกับการนำเพลงนมัสการที่แปล มาขัดเกลาหรือให้การยอมรับว่าใช้ได้ เพื่อที่ทุกคริสตจักรจะได้นำไปใช้เป็นเนื้อเดียวกันครับ แล้วผมยังมองต่อไปว่า น่าจะให้การสนับสนุนนักแต่งเพลงด้วย ช่วยโปรโมททั้งเนื้อร้อง คอร์ด เผยแพร่แบ่งปันให้นักดนตรี หรือผู้นำนมัสการสามารถนำไปใช้ได้อย่างสะดวกสบาย
อย่างผมแปลเพลงนมัสการไปประมาณ 30กว่าเพลงแล้ว ดังนี้
- All Day
- All of my days
- Better than life
- Break Free
- Everyday
- From the inside out
- God of this City
- Here to Eternity
- Hosanna
- I Adore
- It is You
- JUMP AROUND
- King of Majesty
- Lifted Me High Again
- Made me Glad
- Magnificent
- Mighty to Save
- Most Hight
- My Best Friend
- One Day
- One Desire
- One way
- Reaching for You
- Salvation is here
- Solution
- Take it all
- Tell the World
- The heart of worship
- The Time has come
- To You
- What the world will never take
- With All I am
- With you
- YOUR NAME HIGH
โดยส่วนใหญ่เป็นของHillsong และ United พยายามเผยแพร่มานานแล้วด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่แพร่หลายสักที ทำคนเดียวนี่ครับ เคยหวังจะพึ่งพิง Worship Network ที่นำโดย ศจ.อานุภาพ วิชิตนันท์ แห่งคริสตจักรเสรีภาพกรุงเทพ ตอนนี้ก็กลายเป็นดังเพลง"ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามปี......" ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ผมพบว่าปัญหาต่างๆเกี่ยวกับเพลงนมัสการ ในประเทศไทยมีดังนี้นะครับ
1. มีเนื้อเพลงแปลหลายเวอร์ชั่น จากเนื้อเพลงต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยความที่คริสเตียนไทย ยังต้องรับฟังเพลงนมัสการต่างประเทศจากวงดนตรีนมัสการดังๆ แล้วนำของเขามาร้อง เช่น Hillsong(ทั้งวงใหญ่แล้วก็วงวัยรุ่นUnited), Michael W.Smith, New Song, Vinyard, Heaven ฯลฯ
2. เพลงคริสเตียนไทยแท้ๆที่แต่งโดยคนไทย มีน้อย อาจจะเพราะ คริสเตียนไทยมีน้อย คนแต่งเพลงขึ้นมาก็พยายามจะเผยแพร่ ทั้งขายบ้าง(ส่วนใหญ่ขายไม่ออก ทำมาก็ขาดทุนป่นปี้) แจกฟรีมั่ง(ขายไม่ออก พอมีตังค์ก็แจกฟรีดีกว่า) ซึ่งมีทั้งเพราะแล้วติดหู(มีส่วนน้อย) แล้วก็ไม่เพราะไม่ติดหู.......แต่ถึงแม้จะไพเราะเพราะเท่าใด แต่ถ้าประชาสัมพันธ์เผยแพร่ไม่ดี ก็มีโอกาสที่คนจะไม่รู้จักมากเลยครับ (จะได้ฟังก็แค่ในซีดีที่หาแสนยากเย็น หรือกว่าจะได้ยินตามโบสถ์ก็น้อยเหลือเกินเพราะผู้นำนมัสการก็ไม่รู้จักเพลงใหม่เหล่านั้นเหมือนกัน)
3. เพลงนมัสการต่างประเทศใหม่ๆเพราะๆ แต่ไม่มีคนแปลออกมา บางครั้งเพราะมากดังมากในต่างประเทศแต่คริสเตียนไทย ไม่รู้จักครับ??? เออ...ถ้าถามว่า คุณรู้จักเพลง The time has come ไหม คริสเตียนไทยจะงง เพลงไรหว่า อะไรคัมๆ..... ทั้งที่เป็นเพลงที่ดังมากของ United .... คริสเตียนไทย หรือแม้แต่ผู้นำนมัสการไทยบางคนเหมือน "กบในกะลา" จริงๆครับ อันนี้ไม่ได้ต่อว่า แต่มันเป็นคำเปรียบเทียบที่ทำให้เห็นภาพว่า บางทีเราเองต่างหากที่เป็นอุปสรรคปิดกั้นสิ่งใหม่ๆ น้ำองุ่นใหม่ๆ ที่เขามีกัน ไม่เปิดหูเปิดตา ค้นคว้า ขวนขวายในสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ มีหลายสิ่งที่เป็นประโยชน์มากต่องานพันธกิจคริสเตียนไทยของเรา ที่นอกไปเหนือเพลงนมัสการก็คือตัวอย่างเช่น IT อินเทอร์เน็ตนี่ไงครับ ที่คริสเตียนไทยใช้ประโยชน์จากตรงนี้น้อยมาก น้อยยังไง อยู่ในกะลาอย่างไร ไว้จะบ่นเอ้ย จะพูดให้ฟังคราวหน้าตามประสาคนที่รู้มาก แล้วพยายามทำ แต่ทำคนเดียวมันก็ไม่ไหวจริงๆครับ
4. เพลงนมัสการที่แปลออกมาแล้ว แต่แป๊ก..... อาจจะเพราะ
1) ฝีมือไม่ถึง(แต่มีใจรัก อยากทำ อันนี้อย่าไปต่อว่าเขาเลยครับ น่าจะหนุนใจให้พัฒนาแล้วทำให้ดีขึ้นครับ) เพราะงานแปลเพลงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ภาษาไทยมันจำกัดมาก ทั้งวรรณยุกต์ที่มีมากถึง 5เสียง ความหมายบางอย่างภาษาอังกฤษลึกซึ้งกว่าเป็นต้น
2) ฝีมือถึง แปลได้ดี แต่ไม่ยอมเผยแพร่ เอามาเล่นตอนออกงานข้างนอก เป็นการ"ปล่อยของ" หรือ "โชว์" ให้โบสถ์อื่นเห็นว่า วงเราทีมเรา"เจ๋ง" แปลเพลงใหม่ๆ เพราะๆมาเล่น โบสถ์อื่นไม่มีอะดี้ๆๆ (อันนี้ท่าทีไม่ถูกต้องเลยครับ มีของประทาน แต่ไม่แบ่งปันให้ผู้อื่น พระวิญญาณบริสุทธิ์คงเสียพระทัยกับคนแบบนี้)
3) ฝีมือถึง แปลได้ดี เผยแพร่แล้ว แต่โบสถ์อื่น คนอื่น ไม่ยอมรับครับ อาจจะอคติ ติในส่วนเล็กน้อยประเภท เห็นคนอื่นทำได้ดีกว่าตัว หรือทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำแต่ทำไม่ได้ ก็เลย"แอนตี้"มันซะเลย แทนที่บางส่วนที่เห็นว่าแปลไม่ดี ก็อาจจะเสนอแนะไปได้ครับ แต่ก็ต้องด้วยความเคารพผู้แปลด้วยนะครับ ผมว่าผู้แปลหลายๆท่านจะยินดีมากครับ ไม่ใช่ติว่าไม่ดีๆๆ แล้วตัวเองก็ไป กลับกลายเป็นการทำลายกำลังใจของผู้แปลเพลงนั้นๆ ตอนหลังเขาก็เลยไม่อยากแปลออกมาอีกครับ
แต่ยังไงไม่รู้ ผมเห็นใจคนที่ทำงานรับใช้ด้านนมัสการมากๆเลยนะครับ ที่พูดถึงมานี้ ไม่ได้คิดที่จะแขวะ หรือประชดประชันอะไรหรอกครับ แต่มันเป็นอาการ"หงุดหงิด"ที่งานรับใช้ด้านนี้น่าจะเป็นหัวหอกแห่งวงการคริสเตียนไทยที่จะนำคนเข้าสู่การฟื้นฟู การนมัสการอย่างลึกซึ้ง ผมเห็นความสำคัญของการนมัสการว่ามีพอๆหรือเท่าๆกับการเทศนาพระวจนะเลยครับ เพราะการนมัสการนำมาซึ่งความใกล้ชิด สนิทสนมกับพระเจ้า แตะพระเจ้า ฟังเสียงพระเจ้า กลับใจ สารภาพบาป รับการเจิม บัพติสมาในพระวิญญาณ ยอมจำนน เล้าโลมใจ เยียวยา รักษาโรค ฟื้นกำลังใหม่ ขับผี ฯลฯ
ถ้าที่ใดที่มีการนมัสการที่ดี ที่นั่นจะเหมือนรถที่วิ่งไปด้วยพลังมหาศาล นำจิตวิญญาณพุ่งชน ปะทะ ทะลุทะลวง ส่วนเทศนาพระวจนะที่ดี ทำให้รถนั้นพุ่งไปในทางที่ถูกต้อง มั่นคง ไม่หลงทาง ไม่ฉวัดเฉวียน แม่นยำ ตรงไป
ผมฝันอยากเห็นการนมัสการในประเทศไทยเป็นอย่างไร ติดตามตอนหน้าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น