หลายทัศนะก็ว่า "คริสเตียนต้องประกอบด้วยความรัก และการให้อภัย การมีปืนเป็นอันตรายและคุกคาม"
แต่สำหรับผมเชื่อในทัศนะที่ว่า "คริสเตียนมีความรัก และให้อภัย แต่ก็สามารถป้องกันตนเองและทรัพย์สินได้ตามความเหมาะสม"
ซึ่งพระเยซูก็ได้ตรัสกับสาวกในพระธรรมลูกาบทที่ 22 ขณะที่พระองค์รับประทานอาหารมื้อสุดท้าย 35พระองค์จึงตรัสถามเหล่าสาวกว่า “เมื่อเราได้ใช้ท่านทั้งหลายออกไปโดยไม่มีถุงเงิน ไม่มีย่าม ไม่มีรองเท้านั้น ท่านขัดสนสิ่งใดบ้างหรือ” เขาทั้งหลายทูลตอบว่า “หามิได้” 36พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “แต่เดี๋ยวนี้ใครมีถุงเงินให้เอาไปด้วย และย่ามก็ให้เอาไปเหมือนกัน และผู้ใดที่ไม่มีดาบก็ให้ขายเสื้อคลุมของตนไปซื้อดาบ 37ด้วยเราบอกท่านทั้งหลายว่า พระวจนะซึ่งเขียนไว้แล้วนั้นต้องสำเร็จในเรา คือที่ว่า ท่านถูกนับเข้ากับคนอธรรม เพราะว่าคำพยากรณ์ที่เล็งถึงเรานั้นจะสำเร็จ” 38เขาทูลตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า นี่แน่ะ มีดาบสองเล่ม” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “พอแล้ว”
หมายถึงพระองค์ตรัสให้สาวกเตรียมใจรับกับความทุกข์ยาก และการข่มเหงที่จะมาถึง ดาบที่เตรียมไว้ในที่นี้ไม่ได้เอาไว้สำหรับฆ่าหรือข่มเหงผู้อื่น แต่ไว้สำหรับป้องกันตัวในยามจำเป็น พร้อมกับการเตรียมถุงเงินหรือย่าม ที่ไว้สำหรับการเดินทางไปยังที่ต่างๆในฐานะอัครสาวกุ อัครฑูตหลังจากที่พระองค์เสด็จกลับสู่สวรรค์แล้ว ในสมัยโบราณมีโจรผู้ร้ายชุกชุมตามถนนระหว่างเมือง ดังนั้น กลุ่มผู้เดินทางร่วมกัน(กองคาราวาน)จึงจำเป็นต้องมีอาวุธไว้ต่อสู้ป้องกันตัวเองจากโจร
ผมตัดสินใจซื้อ"ปืน" เนื่องจากมีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นทีบ้านผม ทั้งขโมยขึ้นบ้าน 1ครั้ง(แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ผมเห็นและไล่ไปได้ และโจรไม่มีอาวุธ) เหตุการณ์ทะเลาะวิวาท กินเหล้า รถซิ่ง หน้าบ้าน ผมจึงตั้งใจที่จะต้องมี"ปืน"สักกระบอกไว้ปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ในฐานะผู้อารักขาของพระเจ้า
ในประเทศไทยการครอบครองอาวุธปืนนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากครับ แต่ในทางตรงกันข้ามโจรผู้ร้ายกับหาปืนได้ง่ายดายเหลือเกิน สำหรับคนที่ต้องการซื้อปืนนั้น ต้องขออนุญาตจากราชการ ต้องตรวจสอบประวัติ มีหน้าที่การงานชัดเจน มีรายได้ หลักทรัพย์ มีข้าราชการระดับ6ขึ้นไปรับรองความประพฤติ และที่สำคัญต้องไม่เคยมีคดีอาญาใดๆเลยติดตัว(แม้แค่คดีทะเลาะวิวาทก็ขอไม่ผ่านมาแล้ว) และแม้ว่าจะขออนุญาตได้แล้ว แต่ปืนก็มีราคาแพง และหาซื้อได้ยาก เนื่องจากประเทศไทยมีการจำกัด"โควต้า"นำเข้าปืนครับ ดังนั้นตามทฤษฏีเศรษฐศาสตร์ อุปสงค์มีน้อย อุปทานมีมาก ของก็แพงครับ
ปืนกระบอกหนึ่ง ราคามือหนึ่งหน้าร้านปืน ไม่มีต่ำกว่า 100,000บาทแล้วครับตอนนี้ ส่วนมือสองราคาไล่ตั้งแต่ 50,000บาทขึ้นไปหมด แต่ที่สำคัญคือคุณต้องขออนุญาตซื้อปืนจากทางราชการก่อนครับ(ก็ต้องผ่านการตรวจสอบประวัติและเอกสารตามข้างต้นที่กล่าวมา)
ผมต้องฝากแม่ของน้องที่ผมรู้จักซึ่งเป็นอดีตตำรวจฝ่ายงานทะเบียนช่วยเดินเรื่องให้ผมในการขออนุญาต และผมก็ได้ปืนมือสองมา 1กระบอกในราคา84,000บาท สภาพ90% (แต่ราคามือหนึ่งหน้าร้านอยู่ที่ 150,000บาท)
เมื่อได้มาแล้วผมก็ตัดสินใจไปลงอบรมหลักสูตรการใช้อาวุธปืน เป็นเวลา 2วันกับทางศูนย์ฝึกยิงปืนตำรวจกองปราบฯ ที่โชคชัย4ครับ เพราะคิดว่า ถ้ามีอาวุธแต่ใช้ไม่เป็นก็ไม่มีค่า แถมถ้าถูกผู้ร้ายแย่งชิงอาวุธไปได้ก็จะกลายเป็นภัยแก่ตัวเราเองด้วยซ้ำ
นี่คือ รีวิวปืนที่ผมซื้อมาครับ http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=75007.0
และผมไปฝึกซ้อมยิงปืนที่นี่ครับ ติดตามผลงานผมได้ http://www.gun.in.th/board/index.php?topic=60230.180
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น