วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บ้านหลังนี้...

วันนี้ได้ผ่านมาที่ blogger.com เพราะแวะไปอ่านข้อความของเพื่อนคนหนึ่ง
ก็นึกขึ้นได้ว่าเราก็มีพื้นที่สำหรับขีดเขียนมากมาย เลยแวะมา
และรู้ว่าได้ทิ้งร้างไปนานถึง 10 ปี กับอีกเกือบเดือน ...นานเนอะ

10 ปีแล้ว ที่ห่างไปจากการเขียนบทความ
10 ปีแล้ว ที่บ้านหลังนี้ ไร้เรื่องราว
แล้วก็ไม่รู้ว่ากี่ปีแล้วที่เจ้าของบ้านตัวจริง หายไปโผล่อยู่ที่โซเชียลช่องอื่น (งั้นก็แอบเมาส์ได้ซินะ ^^)

และด้วยการที่ไม่ได้เขียนบทความมานาน
ก็เลยเขียนไม่ออกนั่นแหล่ะ
แต่ไม่ว่ายังไง...
ถ้าแวะผ่านมา บ้านหลังนี้ก็พร้อมรับฟังเรื่องราวอยู่นะ
มาบ่นๆ ทิ้งไว้ก็ได้ ไม่มีปัญหา

“Growth isn’t always yoga and journaling.
Sometimes it’s not snapping at that one coworker who breathes too loud.”
การเติบโต ไม่ใช่แค่การเล่นโยคะ หรือเขียนไดอารี่เสมอไป
บางทีมันก็แค่เพียงการไม่วีนใส่เพื่อนร่วมงานคนนั้นที่หายใจเสียงดังเกินไปด้วยซ้ำ
ว่ามั้ย?

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

If the Lord...

If the Lord has you on hold... 

Hold on !

If the Lord has said "NO" to you... 

thank Him !

If the Lord is molding your heart and mind... 

Go with His change !

If the Lord opens doors that you have asked Him to open... 

Praise Him !


Be blessed wherever you are in your life today ! 

God has His hands on the situation !




วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ความบาปของผู้รับใช้พระเจ้า...ตอนที่ 1 บาปทางเพศ

ความบาปของผู้รับใช้พระเจ้า...

ผมจั่วหัวข้อมาแบบนี้ พี่น้องคริสเตียนหลายท่านก็เริ่มขยับที่นั่ง เข้ามาใกล้ๆแล้วสนใจว่า ผมจะเอาความบาปของผู้รับใช้คนไหนมาแฉหรือเปล่า ซึ่ง... ผมอาจจะทำให้ท่านผิดหวังเล็กน้อยนะครับ เพราะผมไม่ได้จะมาทำอย่างนั้นครับ แต่ผมเชื่อว่า พี่น้องคริสเตียนทุกวันนี้หูไวตาไว เพราะการสื่อสารมันก้าวไปไวกว่าเยอะครับ ใครทำอะไรดีไม่ดียังไง แป๊บเดียวรู้กันหมดทั้งวงSocial Network

ผมเคยเขียนเกี่ยวกับ "ผู้รับใช้ไม่ใช่ยอดมนุษย์ ซุปเปอร์แมน"ไปแล้ว และก็สรุปท้ายได้อย่างเข้าใจง่ายๆคือเราที่เป็นสมาชิก หรือลูกแกะของท่านมีหน้าที่ต้องอธิษฐานเผื่อท่านครับ

วันนี้ที่จะมาพูดถึง ก็คือบาปของผู้รับใช้พระเจ้า มันบาปเยอะ และน่าสนใจมากๆใช่ไหม?? (รวมถึงน่าเอามานินทากันต่ออย่างอร่อยเหาะสนุกปากสำหรับบางคนในคริสตจักรด้วย โอย ผมรู้ดีนะครับ หึหึ) ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น... ผมบอกเลยว่า ก็เพราะผู้รับใช้พระเจ้าระดับสูงในคริสตจักร เป็นเหมือนบุคคลสำคัญครับ ท่านไม่ใช่ไก่กา Nobody ไม่เป็นที่รู้จักสักหน่อย แต่ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกการกระทำของท่านมันจะเป็นที่ประจักรแจ้งแก่ผู้คนทั้งทางด้านดี และด้านไม่ดี เพราะท่านยืนในที่สว่าง และสูงกว่าผู้อื่นครับ(พระเจ้ายกท่านขึ้น) ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เวลาท่านล้มลง มันจึงเสียงดัง มันจึงจะแจ้ง และสมใจแก่มารซาตานอย่างยิ่ง  ท่านจงพึงสังวรณ์ไว้เสมอว่า เมื่อพระเจ้ายกท่านขึ้นสูงเท่าไหร่ ท่านก็ยิ่งเป็นเป้าหมายลำดับแรกๆที่มารซาตานต้องการทำให้ท่านล้มลงสุดๆยิ่งยวด เพราะผลกระทบของการล้มลงของท่าน จะทำให้อาณาจักรของพระเจ้าสั่นคลอน และมีผลกระทบต่อความเชื่อของผู้เชื่ออีกมากมายไม่ใช่แค่ในคริสตจักรของท่านเท่านั้น

เหมือนทหารที่รู้ว่าเป็นที่หมายปองของผู้ก่อการร้าย ก็ต้องหาเกราะมาใส่ป้องกัน ฉันใดฉันนั้น ท่านที่เป็นผู้รับใช้พระเจ้าก็ต้องใส่เกราะป้องกัน และไม่อยู่ในที่เสี่ยงต่อการล้มลงนั่นแหละครับ(ภาษาของผมเรียกว่าไม่ยืนในที่ลื่นครับ)

สิ่งที่ผู้รับใช้จะล้มลงในบาปหลักๆ มี 3อย่างที่ทราบกันคือ
1.บาปทางเพศ
2.บาปทางเงินทอง ทรัพย์สิน
3.บาปทางชื่อเสียง เกียรติ และอำนาจ

ซึ่งบางท่านอาจจะมองว่า ผู้รับใช้ที่ล้มในบาปทางเพศ เช่นการมีภรรยาลับ ล่วงละเมิดทางเพศ ดูภาพลามก ฯลฯ ดูน่าขยะแขยงกว่าบาปอื่นๆ แต่ผมบอกว่าในสายพระเนตรพระเจ้าบาปทุกอย่างเหมือนกันหมดครับ แต่ที่เราดูว่ามันน่าเกลียดกว่าก็เพราะเรื่องเพศเป็นเรื่องในที่ลับ และสกปรกตามความรู้สึกของเราครับ... แต่ไม่ว่าบาปไหน ผู้รับใช้ล้มลง มันก็เป็นความผิดที่ซาตานหัวเราะชอบใจทั้งนั้น

บาปทางเพศ ยิ่งสำหรับผู้รับใช้พระเจ้าที่แต่งงานมีภรรยาถูกต้องแล้ว เรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ภรรยาจะต้องให้ความช่วยเหลือ และเคียงข้างครับ เพราะผู้ชายที่แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ สามารถมีอารมณ์ทางเพศจนแก่เฒ่าครับ ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่จะหมดและลดน้อยลงหลังวัยหมดประจำเดือนครับ ... ถ้าชีวิตคู่ หรือชีวิตสมรสไม่มีความสุขแล้ว ผู้ชายก็ไม่อารมณ์อยากจะร่วมหลับนอนกับภรรยาแน่นอนครับ เมื่อไม่มีอารมณ์ท่านจะอดกลั้น หรือปลดปล่อยยังไง ผมต้องเรียนเลยว่า เรื่องเพศพระเจ้าทรงประทานให้เป็นของขวัญสำหรับชีวิตสมรสจริงๆครับ แต่ผู้ชายก็ไม่เหมือนผู้หญิงที่การไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ไม่เดือดร้อน แต่ผู้ชายเดือดร้อนครับ แม้ว่าจะพยายามหาทางออกอื่นที่จะไม่นึกถึงมันก็ตามเช่นการออกกำลังกาย เน้นทำงานรับใช้พระเจ้า ฯลฯ แต่ยังไงถ้ายังแข็งแรง ผู้ชายสามารถมีอารมณ์ทางเพศได้เสมอครับ แล้วเมื่ออดกลั้นไม่ได้แล้ว จะปลดปล่อยยังไง??? อันนี้ผมพูดถึงกรณีที่ชีวิตสมรสมีปัญหาไม่ราบรื่นนะครับ หลายท่านเลือกทางออกที่ง่ายที่สุดคือการช่วยตัวเองทางเพศ แต่ก็อีกนั่นแหละเวลาช่วยตัวเองก็ต้องจินตนาการถึงเพศตรงข้าม ก็เข้าข่ายการล่วงประเวณีทางใจ(พระเยซูตรัส) อย่างแย่ก็คือการปันใจออกไปหาผู้หญิงอื่นจะเป็นโดยชั่วคราว(ซื้อกิน) หรือถาวรเป็นตัวเป็นตน(ผูกปิ่นโต) ก็ยิ่งแย่และเลวร้ายกันไปใหญ่ ซึ่งอันนี้ก็สมใจแก่มารซาตานมากๆ

ดังนั้นผมมองว่า บาปทางเพศที่ผู้รับใช้ล้มลง คู่ชีวิตของท่านมีส่วนในการรับผิดชอบด้วยไม่มากก็น้อยครับ ถ้าชีวิตสมรสดีอยู่แล้ว น้อยมากครับที่ผู้รับใช้ที่ดีๆจะล้มลงในบาปเรื่องนี้ได้ (หรือจะล้มก็ล้มยาก) ผมบอกเลยว่า เบื้องหลังชีวิตสมรสของผู้รับใช้พระเจ้าสำคัญมากๆๆครับ อาจจะมีบางคนที่บอกว่างั้นผู้รับใช้พระเจ้าไม่ต้องแต่งงานเลยก็ดีไหม? ผมบอกว่าก็ไม่แน่ครับ เพราะถ้าไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้าแล้วไปฝืนเป็นโสด มันไม่ได้หมายถึงหัวใจของท่านจะไม่โหยหาเพศตรงข้าม(หรือเพศเดียวกันยิ่งไปใหญ่และซับซ้อน) ยิ่งพูดยิ่งเยอะ เพราะเคสการล้มในบาปทางเพศนั้น ปัจจุบันซับซ้อนมาก และมีหนทางให้ล้มลงได้เยอะครับ เอาแค่ว่าผู้รับใช้ที่จะไม่ล้มในเรื่องนี้ ก็ต้องเป็นผู้รับใช้ที่อยู่ตามเขา ตามป่า ตามดอย อยู่อาศรมวิเวกไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครก็อาจจะมีโอกาสน้อยกว่าก็ได้ครับ แต่ก็อีกนั่นแหละที่พระเจ้าก็ไม่ได้ให้เราแยกตัวออกจากโลกมาอยู่คนเดียว แต่พระเจ้าทรงเรียกให้เราเป็นเกลือเป็นแสงสว่างในโลกใบนี้ครับ

ผมเห็นด้วยที่จะมีการอบรม และมีที่ปรึกษาทางชีวิตสมรสให้กับคริสเตียนที่แต่งงานแล้วครับ มีเยอะๆเลยยิ่งดี เพราะสิ่งนี้จะทำให้คริสเตียนเรามีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งต่อบาปทางเพศได้มากเลยครับ ผมรู้ดีเพราะผมอยู่ในชีวิตสมรสมา 5ปีแล้วครับ และทุกๆวันมีเรื่องสนุก และให้ลุ้นเสมอ..

ไว้ตอนหน้าจะมาพูดถึงบาปอีก 2บาปที่ผู้รับใช้มักล้มลงต่อครับ... พระเจ้าอวยพระพรครับ

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

'เรียก' หรือ 'เลือก'

--  มีคนมากมายที่พระเจ้า 'เรียก' แต่มีเพียงไม่กี่คนที่พระเจ้า 'เลือก'   --


หลายครั้ง ได้เป็นคนหนึ่ง ที่พระเจ้า 'เรียก'

และหลายครั้งเช่นกัน ที่บอกกล่าวออกไปว่า 'รอก่อนนะ ยังไม่พร้อม'

เลยกลายเป็นคนคนนั้น ที่พระเจ้า 'ไม่เลือก'


หลังจากนั้นก็กลับไปอธิษฐานว่า 'พระเจ้าขอทรงใช้ข้าพระองค์เถิด....'

แล้วเสียงหนึ่งได้เข้ามาในความคิดว่า 'เราเรียกเจ้าแล้ว แต่เจ้าคิดเอง เออเอง ตัดสินใจเอง ว่าทำไม่ได้หรอก ไว้ก่อน ให้พร้อมกว่านี้ก่อนนะ'

อืมม.... นั่นซินะ หลายครั้ง  เราจำกัดการทรงเรียกของพระเจ้า

ด้วยความคิดของตัวเราเอง

จนเราพลาด ที่จะได้มีส่วนในการทำอะไรบางอย่าง

พลาดที่จะเป็นคนนั้น ที่พระเจ้า 'เลือก' ให้เป็นพระพรต่อคนอื่น

พลาดที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการณ์ของพระเจ้า





สิ่งดีๆ มากมาย
ที่พระองค์ประทานให้ข้า
วันเวลาที่ได้มา ใช้เพื่อทำอะไร

ทรัพย์สิ่งของที่มีอยู่ จะเก็บเอาไว้ให้ใคร
หากชีวิตสิ้นสุดลงแล้ว
จะเกิดประโยชน์อะไร

ขอทรงเปิดหัวใจ ขอทรงให้สายตา
กำหนดวันเวลา ให้ชีวิตข้ามีความหมาย

ขอทรงเปลี่ยนหัวใจ
ให้เป็นเหมือนพระทัยพระองค์
ที่ทรงรักทรงห่วงผู้คนทุกๆ คน

ขอพระองค์ใช้เรา
ให้เป็นเกลือและแสงสว่าง
ส่องนำทางผู้คนมากมายนับล้านคน




วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

คริสมาสต์ปีนี้ 2012 ผมอยากเห็น Flash Mob ร้องเพลงคริสมาสต์บ้างจังครับ

วันนี้ผมว่างๆ ก็เลยเข้าไปดูอะไรเล่นๆใน Youtube เพลินๆไปเรื่อยๆ จนมาเจอคลิปนึงที่เรียกว่า Flash Mob ร้องเพลงฮาเลลูยา ขอเชิญดูตามคลิปนี้ก่อนนะครับ


Flash Mob คืออะไร แฟลชม็อบ (อังกฤษflash mob หรือ flashmob[1] คือการรวมตัวของกลุ่มคนในสถานที่หนึ่งอย่างฉับพลัน เพื่อแสดงสิ่งแปลกตาและดูเหมือนไม่มีจุดมุ่งหมายในช่วงระยะเวลาอันสั้น จากนั้นจึงสลายตัว มักจะทำเพื่อจุดประสงค์การบันเทิง การล้อเลียน หรือการแสดงออกทางศิลปะ [2][3] แฟลชม็อบเกิดขึ้นโดยการนัดกันผ่านการสื่อสารโทรคมนาคม เครือข่ายสังคม หรืออีเมลแบบปากต่อปาก (จาก Wikipidea) อีกอันที่เป็น Flash Mob ที่ดังมากเมื่อปีที่แล้วก็คือ Flash Mob ขอแต่งงานครับ โรแมนติกมากๆ



ก็เลยคิดถึงช่วงเทศกาลคริสมาสต์ ที่เราจะมีการร้องเพลงแครอลิ่งกันตามชุมชน หรือตามบ้านก็ตาม ผมนึกถึงเรื่องที่ดีๆที่จะทำให้คนทั่วไปได้ยิน ได้ประทับใจในบทเพลงคริสมาสต์ และรู้สึกดีกับสิ่งที่คริสเตียนได้ทำซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมไทยอยู่แล้วว่า ช่วงเทศกาลคริสมาสต์ จะได้เห็นคริสเตียนทำอะไรกับเทศกาลนี้แน่ๆ ซึ่งผมอยากให้สิ่งที่เราได้ทำมีผลกระทบทั้งในกลุ่ม ชุมชน ไปยันวงกว้างในสังคมไทยครับ

Flash Mob น่าจะเป็นอะไรที่เด็ดแน่นอน ให้เป็นไอเดียนะครับ เผื่อมีพี่น้องคนใดสนใจเอาไปจัดกิจกรรมกันดูน่าจะดีนะครับ 

อ้อ การเตรียมทำ Flash Mob นอกจากจะมีจำนวนคนที่ต้องนัดมาซ้อมไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง หรือการเต้นก็ตามแล้ว ก็ต้องคำนึงถึงสถานที่ที่ทำด้วย และสำคัญที่สุดคือการถ่ายคลิปวีดีโอเก็บเอาไว้ อย่างน้อยต้องมีกล้อง 3ตัวขึ้นไปครับ ถ่ายหลายๆมุม แล้วนำมาตัดต่อ เพื่ออัพโหลดขึ้นไปยัง Youtube ครับ จะเป็นกระแสต่อเนื่องได้ครับ ผมจะอธิษฐานเผื่อเรื่องนี้ครับ อยากเห็นจริงๆ