วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ผู้รับใช้พระเจ้า...ก็คือคนธรรมดาที่ถูกเรียกว่าอาจารย์



ตั้งแต่เราเริ่มเชื่อพระเจ้าใหม่ๆ หลายๆคนอาจจะได้รับสอน ปลูกฝังตั้งแต่เริ่มแรกเลยเกี่ยวกับเรื่องของ "สิทธิอำนาจ"ของผู้นำ หรือที่เราเรียกว่าผู้รับใช้พระเจ้า ซึ่งผู้สอนอาจจะมีเหตุผลที่ดี แรงจูงใจที่ดีที่จะให้ผู้เชื่อใหม่เหล่านี้รู้ว่า โดยพระเจ้าทรงเจิมแต่งตั้งผู้นำใดไว้ในงานของพระองค์ เราจะแตะต้องไม่ได้

“อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมไว้   อย่าทำอันตรายแก่ผู้เผยพระวจนะทั้งหลายของ เรา” 1พศว.16:22

ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ผมพบว่า ภายใต้แรงจูงใจที่ดี บางครั้ง หรือหลายครั้งก็เป็นการปรามไว้ แต่เนิ่นๆว่า ผู้นำเหล่านี้ "แตะต้องไม่ได้จริงๆ" หรือ "อย่าหือกับผู้รับใช้" ..... เอาเป็นว่า ผมตั้งใจว่าเขียนบทความ "สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคริสเตียน" จะไม่เขียนในเชิงสอน หรือเชิงคติธรรมอะไรมากมายให้เคร่งเครียด แต่ผมจะเขียนในมุมเชิงประสบการณ์ และสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการคริสเตียนมาเล่าให้ฟัง

ในภาพของความเป็นมนุษย์ หรือ คนนั้น ถ้าเรามองผ่านหมวกสถานะภาพ ที่แต่ละคนสวมเอาไว้เช่น คนบางคนสวมหมวกหลายใบ เช่นหมวกของเจ้าของธุรกิจ ,หมวกอาจารย์สอนพระคัมภีร์, หมวกกรรมการศิษย์เก่าสถาบันฯ, หมวกสามี มนุษย์คนนั้นก็คือผู้ชายคนหนึ่ง เกิดมาในโลกจะกี่ปีก็แล้วแต่ ซึ่งผู้ชายคนนี้สามารถทำ คิด พูด ใดๆก็แล้วแต่แรงจูงใจ หรือประสบการณ์ชีวิตที่ได้ผ่านมา โดยออกมาได้สองด้านคือด้านที่เป็นคุณ และด้านที่เป็นโทษได้ทั้งสิ้น ดังนั้น จึงไม่มีใครหรอกครับที่ในชีวิตนี้ไม่เคยทำผิด ทำพลาด ทำชั่ว ทำบาปเลย นอกจากมนุษย์คนเดียวที่ชื่อเยซูชาวนาซาเร็ธเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อมนุษย์คนนี้ทำพลาด ทำบาป ทำผิดไปแล้ว จะไม่เกิดปัญหาเลยถ้าเขาได้สำนึกผิดได้ไว กลับใจใหม่ได้เอง แต่ที่เป็นปัญหามากที่สุด ที่เกิดขึ้นในวงการคริสเตียนคือบรรดามนุษย์เหล่านี้ไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังทำผิดพลาด และร้ายกว่านั้นคือ มนุษย์เคสนี้ดันเป็นผู้นำหรือผู้รับใช้ฯที่ "แตะต้องไม่ได้" ยิ่งหลายคนอายุ(ความเชื่อ)มาก เป็นระดับซีเนียร์หรืออาวุโส ยิ่งไม่มีใครเอื้อมถึง

ปฏิกริยาที่บังเอิญมีคริสเตียนเป็นผู้พบเห็นว่าท่านเหล่านี้ทำพลาดมีออกมาหลายอย่างคือ
1. ไม่เชื่อว่าทำผิด เพราะท่านเหล่านี้ คือผู้รับใช้ที่ "ต้องไม่พลาด" ก็เลยไม่ทำอะไร แล้วขยี้ตาตัวเองใหม่ ว่ามองผิดหรือตาฝาดหูฝาดไป
2. เชื่อว่าทำผิดจริง แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นดีกว่า
3. เชื่อว่าทำผิดจริง เลยรวมตัวกันซุบซิบนินทากับเพื่อนสมาชิกคริสตจักร ก่อคลื่นใต้น้ำเงียบๆ ไปจนกลายเป็นคลื่นสึนามิ ถล่มผู้นำท่านนั้นจนเละ โบสถ์แตกเป็นเสี่ยงๆ

ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากเหลือเกินครับกับการจัดการปัญหา บางคนบอกว่าก็เดินไปบอกตรงๆด้วยความรัก แต่ผลที่ออกมาถ้าท่านเชื่อฟังท่านก็ดีไป แต่ถ้าไม่เชื่อฟังท่าน อาจจะรายการอื่นๆที่ตามมาซึ่งผมจะไม่เอ่ยถึงครับ ละไว้ในฐานที่เข้าใจ แต่ชีวิตท่านในคริสตจักรจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ผมมองว่า การกันไว้ ดีกว่าแก้ทีหลังครับ ผมยังเชื่อในพลังการอธิษฐาน ตอนที่ผมรับใช้พระเจ้าเต็มเวลาเป็นศิษยาภิบาล ผมขอบคุณพระเจ้าที่ผมได้รับการอธิษฐานเผื่อจากสมาชิกหลายท่านที่มีของประทานในการอธิษฐานตลอดช่วงเวลาทีได้รับใช้ฯ ผมไม่เคยล้มลงเลยครับ จะมีผิดพลาดเล็กๆน้อยๆที่กลับใจได้ไม่อยากเท่านั้น

จึงมีคำถามกลับมายังคุณว่า วันนี้คุณอธิษฐานเผื่อผู้นำของคุณหรือยังครับ เพราะการที่ท่านล้มลง อาจจะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณได้อธิษฐานเผื่อท่านอยู่เสมอ

อย่าคิดว่าผู้รับใช้คือ Superman ครับ เพราะแม้กระทั่งHeroนุ่งกางเกงในสีแดงไว้ข้างนอก ก็ยังแพ้คลิปตันไนท์ ผู้รับใช้ก็คือมนุษย์ธรรมดาคนนึง ที่อ่อนแอได้ ถูกล่อลวงได้ คิดผิดๆได้ ทำเลวได้ เหมือนกับคุณและคนบาปอื่นๆครับ บางท่านอาจจะแพ้ความมั่งมี, โลภ, เพศ ก็ไม่แปลกอะไร

ถ้าคุณรักผู้นำ ผุ้รับใช้พระเจ้า จงอย่าแค่พูด แต่แสดงออกด้วยการอธิษฐานเผื่อครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น