วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ผมอยากเห็นโบสถ์คริสต์ทำได้เหมือนกับวัดพุทธ


ผมทราบข่าวอยู่เนืองๆ เกี่ยวกับโบสถ์หรือคริสตจักรต่างๆ ที่ภายนอกดูดี สวยงามเหลือเกิน แต่เบื้องหลังแล้ว ล้วนมีปัญหาทั้งสิ้น โดย 1ในปัญหาโลกแตกในการทำโบสถ์ก็คือ "โบสถ์ไม่มีเงิน"

ถ้าเรามองในมุมของชาวพุทธ ที่โบสถ์ก็คือ"วัด" ทางชาวพุทธนั้นจะไม่ค่อยเจอปัญหาการเงินนี้เท่าไหร่เนื่องจาก เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธ ที่จำนวนพุทธศาสนิกชนอย่างต่ำๆก็ประมาณ 40-50ล้านคน วัดหลายแห่งจึงไม่ขัดสนเงิน สิ่งของ เพราะชาวบ้านทั่วไปจะทำบุญเข้าวัดตามเทศกาลอยู่เนืองๆ ยิ่งใกล้ที่ทำงานของผม จะอยู่ใกล้วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำบุญ ตั้งเป็นชื่อว่า วัด"สังฆทาน"

ผมจะยกตัวอย่างวัดนี้ แล้วเมื่อนำมาเปรียบเทียบ และสะท้อนเข้าไปในหัวอกของคริสตชนเมืองไทย จะรู้สึกด้อย และต้อยต่ำสิ้นดี ผมจะเล่าให้ฟังว่ามันเป็นอย่างไร โดยเมื่อเข้าไปในวัดนี้ ที่อยู่ริมสะพานพระราม 5 นนทบุรี จากถนนใหญ่ที่รถวิ่งกันจอแจ แต่เข้าไปเพียงแค่ 1กิโลเมตรเศษก้ได้พบกับความร่มรื่น ในพื้นที่หลายร้อยไร่ของวัด

สังเกตได้ว่ามีชาวบ้าน ชาวพุทธเข้าออกอยู่ตลอดเวลา โดยหน้าวัดก็มีสหกรณ์จำหน่ายสิ่งของทั่วไปจนของสังฆทาน เมื่อเข้าไปในวัดผ่านต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ก็จะมีทั้งสถานีวิทยุชุมชน นิตยสารของวัดแจกฟรีเป็นรายเดือน โรงทานที่มีบรรดาแม่บ้านมาผัดกับข้าวในกระทะใบใหญ่ไว้ให้กับคนที่หิวได้ทานฟรี มีห้องพักทั้งเป็นตึก ไปจนเป็นบ้านหลังเล็กๆสำหรับผู้ที่จะมาบวช
ไปจนบ้านกลางน้ำ อย่างกับรีสอร์ท ไว้สำหรับพักผ่อน พักสงบ วิปัสนา ดีจริงๆ
คนที่เข้าออกวัดนี้ ถ้าใครบวชก็จะนุ่งขาวห่มขาว อย่างรูปที่ผมถ่ายได้นี้เป็นหญิงสาววัยรุ่น น่าจะยังอยู่มหาวิทยาลัยครับ
แถมด้วยตู้ถวาย บริจาค โดยตั้งชื่อว่า "ตู้สร้างบุญ" โดยแบ่งเป็นหลายๆช่อง ใครอยากจะทำบุญสำหรับอะไร ก็ใส่ไปในช่องนั้นๆ น่าสนใจมาก
มีช่องสำหรับ ค่าน้ำ-ไฟ
เทียบกับคริสตจักร หรือโบสถ์คริสต์ในปัจจุบันที่มีสภาพดังนี้

1. ไม่เปิดทำการในวันอื่นใดนอกจากวันอาทิตย์เท่านั้น บางโบสถ์อาจจะเป็น Office ทำการของบรรดาผุ้รับใช้ในวันธรรมดา แต่ไม่ใช่สถานที่ ที่เหล่าคริสตชนจะเดินเข้าออกได้ ประตูโบสถ์จะปิดอยู่เสมอ

2. ไม่มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ พักสงบ หรืออำนวยความสะดวกแก่การอธิษฐานเลย มีแต่ห้องประชุมที่ใหญ่โอ่โถง ปิดไฟมืด ล๊อคประตู จะเปิดไว้สำหรับการแสดงธรรมเทศนาในวันอาทิตย์เท่านั้น

3. ไม่มีอาหาร น้ำ ทาน ดื่ม บริจาคสำหรับผู้ยากไร้ แม้วันอาทิตย์ก็ตาม กินกาแฟก็ต้องเสียเงินซื้อกันเอง

4. การเข้าถึงอาจารย์ ศิษยาภิบาล ผู้รับใช้ เพื่อสนทนาธรรม ปรึกษาปัญหา อธิษฐานเผื่อ ฯลฯ เป็นไปได้ยาก ถ้าไม่ได้นัดหมายก่อน หรือแม้จะหาเบอร์โทรติดต่อก็ดูเป็นส่วนตัว ลึกลับเหลือเกิน อาจารย์มักจะไม่ค่อยอยู่ที่โบสถ์ ระหว่างสัปดาห์ท่านจะหายไปจากโบสถ์ เพราะท่านต้องไปรับงานประชุม สัมมนาที่อื่น จนกว่าจะเจออีกทีคือวันอาทิตย์ ไปโบสถ์ทีไร เจอแต่พนักงาน

5. โบสถ์ไม่มีกิจกรรมสำหรับวัยรุ่น วัยเรียนใดๆ ไปโบสถ์เหมือนไปดูการแสดงวันอาทิตย์ เสร็จรอบก็ทานข้าว แล้วกลับบ้าน ขาดความผูกพัน ขาดความน่าสนใจ ไปเที่ยวห้างกับเพื่อนยังดีกว่า

อื่นๆอีกมากมาย ที่ทำให้รู้สึกว่า วันนั้นที่ผมได้เข้าไปเดินในวัด สามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ความที่วัดสามารถตอบสนอง ตอบโจทย์ปัญหาของคนที่ขาดที่พึ่งทางใจ รวมไปถึงทางกายได้ดีมากกว่าโบสถ์คริสต์ ของพวกเราที่พระเยซู ทรงได้แสดงให้เห็นแล้วว่า คริสเตียน คริสตจักรต้องเป็นที่พึ่งของคนยากจน และเข้าถึงชุมชนทุกแห่ง หักขนมปังตามบ้าน ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าเรื่อยไป

การได้ดูสิ่งดีๆจากที่อื่น แล้วนำมาประยุกต์ใช้โดยไม่ได้ขัดกับหลักพระคัมภีร์ ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีมากครับ

4 ความคิดเห็น:

  1. เห็นภาพครับ
    ผมก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันยิ่งตอนนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นซึ่งต้องยอมรับว่าเรามีส่วนผิดไม่มากก็น้อย แต่เป็นเพราะการสั่งสอนอบรมแบบคริสเตียน ทำให้เรากลัวในบางอย่างที่ไม่ควรกลัว ซึ้งคนอื่นอาจไม่คิดในปัญหานั้นๆ แต่บังเอิญผมแคร์มาก ซึ่งทำให้ใจผมปิดกั้นบางอย่างซึ่งมันก็ทำร้ายผมด้วยจากการปิดกลั้นนั้น ถ้าคริสเตียนสามารถตอบสนองความต้องการคนได้ถูกต้องและ เป็นความจริงทำได้เห็นผลได้ เราจะน่าคบมากเลยครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2555 เวลา 12:28

    แต่โบสถ์ที่อยู่ พี่น้องรักใคร่กัน ระหว่างสัปด์ดาก้อไปมาหาสู่ ช่วยเหลือกัน ใครไม่สบายก้อ ไ่ม่มีเงินทอง เดือดร้อนก้อช่วยเหลือกัน อาหารที่โบสถ์ทานฟรีทุกอย่าง มีความรักมากมาย การอวยพรจากพระเจ้าล้นไหล ล้นไปยังพี่น้อง และคนอีกมากมาย....เราไปนั่งเล่น นอนเล่นที่โบสถ์ ได้ แม้จะไม่ใหญ่โตมากมาย แต่ที่เราได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรอด....อาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่การกินและการดื่ม....ดูเถิดคนที่เรียกพระองค์ว่าพระบิดา อาจจะไม่ได้เข้าแผ่นดินสวรรค์ ..เพราะเหตุผลอันใด ลองพิจารณาตามพระคัมภีร์ให้ละเอียดด้วยเถิด ดีกว่ามามองวัตถุสิ่งของในโลก ที่ล้วนอนิจจัง

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ11 มีนาคม 2555 เวลา 21:09

    สวัาดีค่ะ
    กลับมาเมืองไทยไม่เคยตรงกับวันอาทิตย์ สักครั้งอยากจะเข้าร่วมนมัสการที่บ้านเราบัางจัง(กลัวไปไม่ถูก) ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน&มุมโลกไหนก็ตาม ใจของพวกเราก็อยู่กับพระเจ้าเสมอ แค่เราภูมิใจที่เรารักพระองค์และพระองค์รักเราไม่เคยทิ้งเราเลยทั้งที่เราทำผิดนับครั้งไม่ถ้วน ความจริงแล้ว พระวิหารที่งดงามมากที่สุดคือตัวเราไงละ ลองอ่าน Bible Acts 17;24-29 [ไม่กล้าเขียนกลัวเขียนผิด] God Bless you !

    ตอบลบ
  4. อ่านแล้วมันก็เศร้า
    แต่มีโบสถ์จำนวนมากที่เปิดให้ท่านอยากทำศาสนากิจได้
    และปัจจุบันส่วนใหญ่เขาจัดกันตอนเย็นตามบ้าน อบอุ่นกว่านั่งห้องโถงเหงาๆ
    ไปโบสถ์แถวสุขุมวิทสิครับ..

    ตอบลบ