วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Blog คืออะไร แล้ว....มันคืออะไร???





มีน้องที่ไม่ได้รู้จักคนนึงถามมาหลังไมค์ว่า "พี่ครับ ผมอยากติดต่อให้พี่เขียนบทความเกี่ยวกับ Blog ว่ามันคืออะไร แล้วมีข้อดีหรือไม่ดีอย่างไร มีอันตรายต่อวัยรุ่นไหม ..... ผมจะเอาไปลงในนิตยสารคริสเตียนที่ชื่อว่า Bridge ครับ".....

โอ้ ... เราจะดังขนาดได้ลงหนังสือแล้วหรือเนี้ยะ หรือว่า น้องคนนี้มันหลงผิด เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ฮ่าๆๆ แต่ในใจหนึ่ง เอ รู้จักก็ไม่รู้จัก ทำไมอยู่ดีๆก็จะมาขอให้เราเขียนบทความ หรือว่ามันจะหลอกเราหรือเปล่า?? คิดไปต่างๆนานา แต่ท้ายสุดก็เอาวะ เขียนไปก็ไม่เสียหาย ถ้ามันจะหลอกเราก็แค่เสียเวลานิดหน่อย แต่ได้บทความที่มีประโยชน์อย่างน้อยต่อพี่น้องที่ติดตาม "คริสเตียน นมัสการ ไซเบอร์" ว่าแล้วก็เริ่มเขียน....(หลังจากที่โดนโทรมาทวงต้นฉบับเมื่อสักครู่ ฮ่าๆ ลืมไปหวะ ขอโทษที)

คืองี้ครับ อินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบันเนี้ยะ มันกำลังเข้าสู่ยุคที่ 2 หรือที่เรียกว่า Web2.0 หมายถึงข้อมูลต่างๆในเว็บ หรือโลกของอินเทอร์เน็ต เกิดจากการกลุ่มผู้ใช้งาน(USER) อย่างเราๆท่านๆนี่แหละครับ แทนที่จะเกิดจากสมัยก่อน ต้องมีคนทำเว็บ แล้วก็เขียนเนื้อหาขึ้นมา Userก็เข้ามาSearchหาข้อมูล เป็นการสื่อสารหรือรับข้อมูลทางเดียวเท่านั้น 
แต่ปัจจุบัน มันได้แปรเปลี่ยนไปเป็น ผมหรือคุณที่ใช้งานนี่แหละ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมทำให้เกิดข้อมูลในเว็บขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น บางบทความอาจจะพูดถึงหรือเปิดประเด็นอะไรนิดนึง แล้วผมหรือคุณเข้าไปแล้วก็เขียน Commentหรือแสดงความคิดเห็น หรือให้ความเห็นเพิ่มเติมข้อมูล คนอื่นๆที่เข้ามาอ่าน นอกจากจะได้อ่านหัวข้อที่เปิดประเด็นแล้ว ก็ยังได้ข้อมูลจากผู้ใช้คนอื่นๆด้วย บางทีการอ่านคนที่เขียนCommentเข้ามายังจะสนุก บางทีก็ฮาน่าสนใจมากกว่าเนื้อหาต้นเรื่องซะด้วยซ้ำ 

ไอ้เจ้าWeb2.0 เนี้ยะ ก็มีหลากหลายอย่างครับ Blog ก็รวมอยู่ในอินเทอร์เน็ตGenerationใหม่นี้ด้วย

ลองดูClip อธิบายBlogส้ันๆสนุกๆสิครับ

Blog มาจากคำว่า Web Log มันคือพื้นที่ส่วนตัวที่เราสามารถจดบันทึก ความรู้ ความคิดเห็น คล้ายกับไดอารี่ในสไตล์ของเราเองนั่นแหละครับ แล้วคนที่เข้ามาอ่าน ก็สามารถแสดงความคิดเห็น มีปฏิสัมพันธ์กับเราผู้เป็นเจ้าของ หรือกับคนอื่นที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันได้

ส่วนใหญ่เนื้อหาของ Blog มีหลากหลายออกไปแล้วแต่เจ้าของBlog จะให้เป็นครับ บางคนก็อาจจะเล่าเรื่องตัวเอง ชีวิตของตัวเองคล้ายๆไดอารี่, บางคนก็อาจจะชอบเกี่ยวกับการทำอาหาร ก็จะมาให้ข้อมูลความรู้ในการทำอาหารของตัวเอง การลองถูกลองผิดสูตรต่างๆ และอย่างของผมนี้ ผมก็จะเขียนประเด็น 3อย่างคือ เรื่องของไลฟ์สไตล์คริสเตียน, เพลงนมัสการ(เพลงคริสเตียน) แล้วก็เรื่องของโลกอินเทอร์เน็ตที่คริสเตียนสามารถนำมาใช้กันได้ เป็นมุมมองความคิดเห็นของคริสเตียนในเมืองใหญ่คนหนึ่งครับ (การเป็นคริสเตียนในเมืองใหญ่จะมีแง่มุมหลายอย่าง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของศาสนศาสตร์พันธกิจในเมืองใหญ่ ถ้าอยากรู้ต้องลงเรียน 3หน่วยกิจในสถาบันพระคริสตธรรม)

มีเว็บไซต์ที่ให้บริการพื้นที่การเขียน Blog มากมายหลายที่ครับ อย่างเช่นที่ผมใช้อยู่ก็คือ www.blogger.com หรือตอนนี้ที่กำลังมาแรงก็คือพวกเว็บที่เรียกว่า Social Network อันได้แก่ Hi5, Facebook, Myspace และMultiply นั่นเอง ซึ่งพวกบรรดาเว็บสังคมส่วนใหญ่ผู้ทำจะแสดงตัวตนผ่านทางเว็บเหล่านี้ เช่นการใส่รูปภาพต่างๆของตนเอง แล้วมีการอัพเดทอยู่เสมอๆ ส่งข้อความทักทายกัน หรือเข้าไปคอมเมนท์รูปถ่ายต่างๆ

ข้อดีของBlog และ Social Network เหล่านี้ก็คือข้อมูลต่างๆที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตมีมากขึ้น การเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นเราอาจจะหาข้อมูลร้านอาหารอร่อยๆสักร้านแถวสุขุมวิท แค่เราพิมพ์ในGoogle ว่า "ร้านอาหาร อร่อย สุขุมวิท" ข้อมูลที่ขึ้นมาจะไม่ใช่บรรดาเว็บไซต์ของร้านอาหารนั้นๆที่มีไว้เพื่อโฆษณา แต่อาจจะเจอข้อมูลจากBlogของใครสักคนที่ไปทานร้านอาหารแถวสุขุมวิทน้ันๆแล้วมาวิจารณ์ แถมมีคนอื่นๆเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น เราก็จะได้ข้อมูลแท้จริงจากกลุ่มคนทานจริงๆที่ไม่ใช่การโฆษณาของบรรดาร้านอาหารเหล่านนั้น ข้อมูลจึงน่าเชื่อถือมากกว่า

ส่วนข้อเสีย ที่ผมเห็นมีอย่างเดียวคือ ความเป็นส่วนตัวของเราๆท่านๆจะน้อยลง เพราะการเข้าถึงข้อมูลของพวกเราที่มีตัวตนในอินเทอร์เน็ตนั้นง่ายมากๆ แค่ผมSearch ชื่อใครพร้อมนามสกุลในgoogle ผมอาจจะพบBlogของเขา แล้วก็เข้าไปคุยทักทายได้เลย ซึ่งผมก็พบว่าถ้าจะมีใครสักคนตามหาผม คงจะไม่ยากที่จะหาที่อยู่บ้านของผม รวมถึงเบอร์โทรของผมครับ

แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีมันก็ต้องมีการพัฒนาต่อไป และต่อไปก็จะเข้าสู่Web3.0ครับ เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ ยิ่งถ้าเราใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ไม่ได้อยู่ตามเขา ตามดอย หรือชนบทน้ำไฟไม่ถึง เราจำเป็นที่จะต้องเผชิญกับมันและเรียนรู้มันแล้วนำมันมาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลในชีวิตของเรา และงานรับใช้พระเจ้าของเราให้มากที่สุดครับ อย่าลืมว่ามารซาตานมันก็พยายามใช้เทคโนโลยีพวกนี้ชักจูงให้คนทำบาปได้ง่ายดาย เช่นการเข้าถึงภาพลามกเป็นสิ่งที่ง่ายมากในโลกของอินเทอร์เน็ตแถมฟรีอีกต่างหาก จนทำให้หนังสือลามกแทบจะสูญหายไปเลยเป็นต้น

ขอพระเจ้าให้สติปัญญาแก่พวกคุณคริสเตียนที่จะนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในงานของพระเจ้าให้มากที่สุดครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น