วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2552

งานอีเว้นท์คริสเตียนอีกแล้วเหรอเนี้ยะ!!!ภาค2



ต่อจากเมื่อวันก่อนที่ผมมีโอกาสได้พูดถึงบรรดางานอีเวนท์ หรือกิจกรรมของพวกเราคริสเตียนที่มีออกมามากมายในแต่ละเดือน แต่ละสัปดาห์จนทำให้เป็นปัญหาว่า "จะไปงานไหนดี?" จนบางทีหลายโบสถ์อาจจะออกมาตรการจากศบ.หรือผู้นำว่า ถ้าจะไปงานไหนให้มาบอกหรือขออนุญาตกันก่อนเลยทีเดียว

แต่สำหรับผมกลับมองในแง่ดีกว่า ในสมัยก่อน กว่าจะมีงานเหล่านี้สักครั้งนึง ต้องรอกันเป็นปี ปีนึงมีไม่กี่งาน แต่เดี๋ยวนี้มีให้เลือกเยอะ มีหลายกลุ่มหลายองค์กรจัดกัน แยกออกเป็นประเภทต่างๆดังนี้

1. งานฟื้นฟู หรือที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Revival งานเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูใจของผู้มาร่วมงานให้กลับเข้มแข็งในฝ่ายวิญญาณมากขึ้น มารับพลัง กำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือไปจนถึงการรับการชำระใหม่ กลับใจใหม่ ซึ่งบรรยากาศในงานแบบนี้จะเน้นที่การนมัสการอย่างลึกซึ้ง และการเทศนาอย่างเข้มข้นร้อนรน เสร็จแล้วก็จะมีการอธิษฐานวางมือ งานฟื้นฟูมักจะจัดตั้งแต่1-3วัน มีหลายรอบ พวกงานรายปีใหญ่ๆก็มีพวกงาน คองเกรส เป็นต้น

2. งานคอนเสริต งานประเภทนี้จะเน้นไปที่เสียงเพลง และดนตรีเป็นหลัก ซึ่งรูปแบบของงานก็แล้วแต่ผู้จัด อาจจะเป็นวงดนตรีหลายวงเล่นหลายแนวแล้วแต่จะจัดมา เหมือนงานBangkok Call หรือวงดนตรีวงเดียว แต่อาจจะขึ้นร้องหลายคนเช่นคอนเสริต The Oneของกลุ่มพี่ปุ๊อัญชลี งานนี้จะเน้นไปการหนุนใจผู้เชื่อ หรือการประกาศกับผู้ที่ยังไม่รู้จักพระเยซู
3. งานตามเทศกาล งานประเภทนี้ก็จะจัดตามเทศกาลต่างๆ โดยส่วนใหญ่ที่จัดก็คือเทศกาลที่เกี่ยวข้องกับคริสตศาสนา ไล่ตั้งแต่ต้นปีมา เช่น วาเลนไทน์, อีสเตอร์, ThanksGiving  และคริสตมาสต์ เป็นงานที่นอกจากเฉลิมฉลองกันภายในกลุ่มของคริสเตียนแล้วก็ยังเปิดโอกาสให้คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าเข้าร่วมด้วย จะได้ถือโอกาสประกาศไปด้วยกัน ล่าสุดที่จัดกันประจำก็คือ งานอีสเตอร์ ที่จัดที่สวนลุมพีนี งานตามเทศกาลจะเป็นการเฉลิมฉลอง รื่นเริงเป็นหลัก และมีรูปแบบเป็นทางการเฉพาะช่วงพิธีที่เข้าสู่ความหมายของเทศกาลเท่านั้น

ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อมีงานเหล่านี้จำนวนมากในแต่ละปี กลุ่มผู้จัดก็เยอะ คนที่เกี่ยวข้องก็มาก ทั้งการมาเป็นทีมงานก็ดี หรือมาเป็นผู้เข้าร่วมก็ดี ต้องตัดสินใจให้ดีนะครับ ไม่อย่างนั้นอาจจะกระทบต่องานพันธกิจประจำที่เราทำอยู่ในคริสตจักรที่เราสังกัดกันอยู่ก็ได้ ผมได้ยินหรือได้รับรู้ปัญหาเหล่านี้มาจากบรรดาศิษยาภิบาลหลายคริสตจักรครับ
  • อาจารย์1 : ทำยังไ งดีครับลูกแกะ หรือสมาชิกของผมมัวแต่สนใจออกไปทำงานพวกอีเวนท์ต่างๆแต่ละเลยหรือไม่สนใจงานที่ได้รับมอบหมายในคริสตจักรของตัวเองเล
  • อาจารย์2 : ส่วนของผม พวกนั้นไม่รับงานในคริสตจักรเลยครับ มาโบสถ์พอเป็นพิธี บางสัปดาห์ก็ไม่มาเลยด้วยซ้ำ มัวแต่ไปช่วยตามอีเวนท์ต่างๆ อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นสมาชิกโบสถ์ได้อย่างไร
  • อาจารย์1 : ผมจะตักเตือนก็ไม่ฟัง แถมยังชักชวนให้สมาชิกคนอื่นๆออกไปช่วยเขาอีก ดึงลูกแกะของอีกคนนึงไปเป็นสต๊าฟงาน โดยไม่บอกกล่าวพี่เลี้ยง แทบจะทะเลาะกันตาย ผมหละเหนื่อยจริง
  • อาจารย์2 : ทำไมพวกผู้จัดงานเหล่านี้ไม่สร้างคนของตัวเองมาทำงาน ทำไมต้องมาดึงสมาชิกโบสถ์ออกไปจนทำให้กระทบงานโบสถ์ที่พวกเขาสังกัดเป็นสมาชิกอยู่
  • อาจารย์1 : ครั้นผมจะสั่งห้ามไม่ให้ไปร่วมงาน ก็เดี๋ยวหาว่าใช้สิทธิอำนาจไปกดดันเด็กมันอีก เฮ้อ กลืนไม่เข้า คายไม่ออกจริงๆครับ T_T
  • อาจารย์2 : ผมร้องไห้ด้วยคนครับ T_T
  • ผู้จัดงาน และสต๊าฟ : ทุกคนคือลูกแกะของพระเจ้า ไม่ใช่ลูกแกะของพวกคุณคนเดียว!!!!!
ที่ผมยกตัวอย่างมานี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นครับ น่าเศร้านะครับที่งานเหล่านี้แทนที่จะเป็นพระพรแต่กลายเป็นพระเพลิงให้กับคริสตจักรและผู้เลี้ยงที่ทุ่มเทเวลา แรงกาย ทรัพยากรต่างๆกว่าจะสร้างสมาชิกลูกแกะเหล่านี้ให้เติบโต แต่กลับโดนมารซาตานใช้ช่องว่างนี้ ยืมมือคริสเตียนด้วยกันมาฆ่ากันเอง จนทำให้งานที่ดีๆจะเกิดขึ้นก็ยากที่จะได้รับความร่วมมือจากคริสตจักรท้องถิ่นอีก เพราะเขาเหล่านั้นเข็ดจากสิ่งที่เคยเจอมา ต่อไปงานใหญ่ๆจะเกิดขึ้นก็ได้แต่ "ใครคิดคนนั้นทำสิ อย่ามาดึงคนของฉันออกไปทำ"
เมื่อพระกายแตกแยกออกแล้ว ขาจะวิ่งข้างเดียวได้หรือครับ ถ้าอีกข้างนึงไม่วิ่งด้วย เราทำทุกอย่างเองไม่ได้หรอกครับพี่น้อง

ฉะนั้นให้เรื่องนี้ที่ยกมาเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้จัดงานต่างๆ ต้องระมัดระวังเรื่องการกระทบกระเทือนความรู้สึกของคริสตจักรท้องถิ่นที่คุณจำเป็นจะต้องขอความช่วยเหลือให้มากครับ ติดต่อประสานงานกับอาจารย์ ศิษยาภิบาลให้ดี และรายงานเรื่องที่ควรจะรายงานทุกเรื่อง เพื่อสร้างความสบายใจและไว้วางใจให้เกิดขึ้นครับ ไม่อย่างนั้น คุณจะได้จัดงานนี้เพียงครัังเดียวเท่านั้น ..........งานหน้าอาจจะเหลือคุณทำเพียงคนเดียวที่ทำ.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น