วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552

เมื่อผมหลงเข้าไปในโลกของ "กบ" CamFrog2

มาว่ากันต่อเรื่องเจ้า "กบ" ตัวน้อยแต่พิษสงร้ายกาจตัวนี้

ตอนแรกพอเข้าไปในห้อง เราก็เหมือนคนแปลกหน้านะครับ แต่อย่าตกใจไป เพราะหลายคนในห้องก็ล้วนเป็นคนแปลกหน้ากัน แบ่งคนที่มาเล่นในห้องได้สองกลุ่มคือ 1. กลุ่มขาจร และ2. ขาประจำ
ขาประจำคงไม่ต้องพูดถึง ซึ่งก็คือพวกที่มาอยู่ประจำจนได้สิทธิ ได้สีต่างจากชาวบ้านทั่วไป ส่วนกลุ่มขาจรเป็นประเภทอาจจะมีห้องประจำห้องอื่นแล้วเบื่อๆก็เลยแวะมาห้องอื่น ไม่ก็เป็นพวกที่ไม่มีห้องประจำเลย อาศัยมั่วๆเข้าห้องอื่น หาเพื่อนคุย

แต่จากการสังเกตในการเข้าเล่นCamfrogนะครับ คนส่วนใหญ่คือ ล้วนมาหาเพื่อนทั้งสิ้น หาเพื่อนคุย แต่จะเป็นรูปแบบลักษณะของการ"จีบ"กัน หยอดคำหวานๆกัน ไม่ก็เป็นหยอกล้อกันเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่อัตราส่วนประชากรระหว่างชาย-หญิงพบว่า ชายมากกว่าหญิงประมาณ3/1 ได้ครับ (อันนี้ไม่นับชายไม่แท้ หรือหญิงไม่แท้ ซื้อเขาก็จะมีห้องเฉพาะของเขาต่างหาก) ดังนั้น ลูกเล่นในการคุยก็จะเริ่มจาก การคลิ๊กๆดูกล้องของผู้ใช้แต่ละคน(ถ้าเขาเปิดกล้อง) ถ้าเจอใครที่ดุแล้วน่ารัก น่าคุยก็จะพยายามทักทายผ่านทาง"หน้าห้อง" เช่น ผมใช้ชื่อว่า Gueeng พอดีเปิดกล้องไปเจอน้อง SoCute กำลังซดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ก็จะส่งข้อความไปทักทายว่า "Gueeng:...SoCute: หวัดดีครับ กินน่าอร่อยนะ แต่เส้นบะหมี่ติดปากนู๋แล้ว" อย่างนี้เป็นต้น

ส่วนใหญ่เลยจะเป็นการทักจากฝ่ายชายไปหาฝ่ายหญิง เพราะด้วยจำนวนประชากรระหว่างเพศแตกต่างกันมาก ดังนั้นบรรดาน้องๆคุณผู้หญิงทั้งหลายจึงแทบไม่ต้องทักผู้ชายเลยครับ ให้ออกกล้องหน้าตาดีๆหน่อย เดี๋ยวก็จะมีคนทักมาเพียบ แต่สำหรับน้องที่ไม่ขึ้นกล้อง ออกกล้องแล้วไม่สวย ก็ต้องอาศัยทักฝ่ายชายไปก็ไม่ผิดอะไรครับ

เมื่อทักทายกันแล้ว แล้วรู้สึกว่าจะคุยกันถูกคอ ต่างฝ่ายก็อาจจะขอ IM หรือการพูดคุยส่วนตัว 2-2 ซึ่งจะแยกออกมาจากห้อง แต่การคุยแบบนี้ต้องให้ฝ่ายที่ถูกขอ อนุญาตนะครับ แต่เจ้าโปรแกรมแคมฟร๊อกมันดีตรงที่ว่า เราก็ยังสามารถ"ส่อง"กล้องของคู่สนทนา หรือว่าจะไปส่องคนอื่นๆในห้องก็ได้แต่จะส่องได้เพียงครั้งละ1คนเท่านั้น

ที่พิเศษนอกเหนือไปกว่านั้นคือ ถ้าเราต้องการการส่องกล้องมากกว่า 1คนขึ้นไปเราจะต้องเสียเงินเพื่อซื้อ Camfrog Pro หรือเรียกอีกอย่างว่า โปรโค๊ด100จอ ซึ่งจะอัพเกรดการเล่นโปรแกรมตัวนี้ให้ใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ราคาตอนนี้อยุ่ที่ประมาณ 1800บาท ใช้ได้ตลอดชีพ มีความสามารถพิเศษเช่น สามารถส่องได้ ถึง 100จอในเวลาเดียวกัน(แต่ส่วนใหญ่แค่สิบกว่าจอก็เต็มหน้าจอคอมพิวเตอร์เราแล้ว)

กลับมาสู่สังคมของคนในcamfrog จากที่สังเกตมา จะมีคนสองกลุ่มที่เล่นก็คือ เข้าประจำทุกวัน และกลุ่มนานๆเข้าที ไม่เป็นประจำ แต่จากปริมาณของผู้เล่น โดยส่วนใหญ่ก็คือจะเข้าประจำทุกวัน เมื่อเล่นประจำในห้องใดห้องหนึ่งแล้วจนเป็นที่รู้จัก โดยส่วนใหญ่เจ้าของห้องจะเป็นผู้นัดมีทติ้งกัน คือการนัดให้สมาชิกในห้องออกมาพบปะกันตัวจริงๆเป็นๆ เพื่อวัตถุประสงค์กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในห้องนั้นๆ

มีคำถามว่า เจ้าของห้องที่ต้องลงทุนเงินจำนวนมากในแต่ละเดือน จะได้อะไรสำหรับการเปิดห้องแคมฟร๊อค จากที่ได้พูดคุยกับเจ้าของห้องที่มีจำนวนผู้เข้าใช้เฉลี่ย70-80คนในแต่ละชม.นั้น ก็คือได้ความสนุกสนาน และความพึงพอใจ เพราะคนที่เป็นเจ้าของห้องจะมีลักษณะเป็นผู้บริหารห้อง มีอำนาจ บทบาทและชื่อเสียงที่สมาชิกห้องจะให้การยอมรับ สามารถให้สี ให้สิทธิแก่สมาชิกในห้องเพื่อประโยชน์ในการเล่นมากขึ้น ถ้าเปรียบเป็นชั้นวรรณะ เจ้าของห้องอยู่ในวรรณะสูงสุดครับ

แต่ห้องบางห้องก็สามารถทำรายได้จากการหาสปอนเซอร์มาสนับสนุนค่าใช้จ่าย เช่นห้องที่มีผุ้เล่นจำนวนเฉลี่ยหลัก200คนขึ้นไปในแต่ละชม. แต่การบริหารห้องก็จะต้องเป็นมืออาชีพ ต้องมีดีเจหรือผู้ดูแลห้องเฉลี่ย 7คน/วัน ห้องเล็กๆก็จะเป็นดีเจอาสาสมัคร หรือสมาชิกช่วยๆกัน แต่ถ้าห้องที่มีคนมาใช้เยอะหลักร้อย ก็จะมีการให้ค่าจ้างดีเจหรือค่าตอบแทนอื่นๆครับ

มาทีนี้ผมจะพูดถึงแนวความคิดที่จะนำเจ้าโปรแกรมแคมฟร๊อกมาใช้งานกับกลุ่มคริสเตียน
ผมเชื่อว่ามีคริสเตียนที่ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ต่อวันหลักพันคน โดยจากการสำรวจกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตปี2008 กลุ่มอายุที่ใช้อินเทอร์เน็ตมากทีสุดคือกลุ่ม15-25ปี รองลงมาคือ25-35ปี เมื่อเจ้าโปรแกรมแคมฟร๊อกนี้สามารถสร้างกลุ่มสังคมของผู้ใช้ขึ้นมาได้ จนถึงขนาดมีการมีทติ้งกันได้แล้วละก็ ทำไมเราจะนำมาใช้เพื่อสร้างกลุ่มสังคมคริสเตียนในอินเทอร์เน็ตไม่ได้ ข้อดีของโปรแกรมตัวนี้ที่จะนำมาประยุกต์ใช้งานคริสเตียนคือ
1. สร้างสังคม และความผูกพันธ์ระหว่างคริสเตียนที่ใช้อินเทอร์เน็ต
2. เผยแพร่เพลงคริสเตียนใหม่ๆ ทั้งเพลงทั้่วไปและเพลงแนวนมัสการจากวงดนตรีคริสเตียน
3. ให้ความรู้ และข้อซักถามบางประเด็นทั้งด้านพระคัมภีร์ และด้านการดำเนินชีวิตคริสเตี่ยน
4. ให้คำหนุนใจ อธิษฐานเผื่อสำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษา
5. เพื่อการประกาศสำหรับผู้สนใจอยากรู้จักกับพระเยซูฃ
6. เป็นสื่อการของการประชาสัมพันธ์ ข่าวสารงานต่างๆ

แต่สิ่งที่จะต้องระมัดระวังก็คือ


เมื่อผมได้ปรึกษากับอาจารย์และผู้นำหลายท่านถึงความคิดที่จะเอาเจ้าโปรแกรมแคมฟร๊อกนี้มาสร้างสังคมคริสเตียนออนไลน์ ส่วนใหญ่ผมได้รับคำหนุนใจให้ทำครับ เพราะจากที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำได้เลย แม้กระทั่งเว็บไซต์ หรือเว็บบอร์ดของคริสเตียน แต่เมื่อผมได้เข้าไปสัมผัส ผมต้องระมัดระวังตัวเองอย่างมากในการใช้โปรแกรมตัวนี้คือ
1. โปรแกรมนี้มีคนที่เข้ามาใช้อย่างผิดๆ และล่อแหลมต่อศีลธรรมอย่างมากมาย ทั้งทางภาพและเสียงซึ่งผู้ใช้จะต้องบังคับใจตนเองไม่ให้ไปกับสิ่งนั้น โดยเฉพาะไม่ดูไม่ฟัง หรือไม่เข้าห้องที่อยู่ในกลุ่ม 18+เด็ดขาด
2. มีกลุ่มคนที่มาโดยวัตถุประสงค์ที่บริสุทธิ์ใจ และไม่สุจริตปนกันไป หลายคนก็มาเพื่อจีบกันทั้งที่ตนเองก็มีแฟนหรือคู่ครองอยู่แล้ว 
3. มีบางคนมาเพื่อการขอเรี่ยไรเงิน โดยอ้างว่าเงินหาย ลำบาก ฯลฯ เพื่อให้คนที่มีใจสงสารโอนเงินให้เป็นต้น

จากสิ่งที่อันตรายเหล่านี้ ทำให้ผมก็เกิดความสงสัย และก็มีคำถามว่าผมจะทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า??

เมื่อวานขณะที่ผมกำลังนมัสการพระเจ้าอยู่นั้น มีคำนึงที่ผุดขึ้นมา "การที่เราใช้เจ้าไปทำหน้าที่ในสิ่งที่อันตรายที่สุด นั่นหมายถึงเจ้าเป็นมือดีที่สุดที่เราไว้วางใจให้เจ้าทำงานนี้ และเรารู้ว่าเจ้าทำได้"....

ผมจะลองดูครับ...........พระองค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น